รีวิวwonder woman
กลับมาพบกันอีกแล้วท่านผู้ชม วันนี้จะมารีวิวหนัง wonder woman หากจะพูดถึงซุปเปอร์ฮีโร่หญิงในการ์ตูนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาอย่างยาวนานก็คงจะหนีไม่พ้น Wonder Woman เป็นฮีโร่หญิงฝั่ง Dc Comic ซึ่งฝั่งนี้ก็ต้องบอกว่าเขามักจะนำเสนอเรื่องราวของการ์ตูนออกมาในด้านมืด ไม่สว่างไสวเหมือนฝั่ง มาเวล นัก
ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นความชอบของใครของมัน สำหรับผมรู้สึกชอบอะไรดาร์กๆแบบนี้มากกว่า ซึ่งก็ต้องบอกว่าไม่ใช่แค่เรื่องนี้เท่านั้นแต่รวมไปถึงฮีโร่อื่นๆไม่ว่าจะเป็น แบทแมน ซุปเปอร์แมน หากดูกันดีๆเนื้อหาล้วนแล้วแต่มีความมืดมนอย่างชัดเจน ซึ่งคงจะถูกอกถูกใจเหล่าสาวกที่ชอบความมืดมิดกัน แต่สำหรับวันเดอร์ วูเมน ก็ต้องบอกว่านอกจากเรื่องราวต่างๆแล้ว
สำหรับเรื่องนี้คงจะหนีไม่พ้นตัวนักแสดงอย่าง Gal Gadot ที่ทำให้สนใจหนังเรื่องนี้เป็นพิเศษ ด้วยความสวยและแข็งแกร่งสมกับตัวละครตัวนี้ซะเหลือเกิน จึงทำให้หนังเรื่องนี้มีความน่าสนใจมากๆ ซึ่งหากจะพูดถึงในเรื่องหนังว่าสนุกและน่าติดตามมากน้อยแค่ไหนก็คงต้องบอกว่ามันยังไม่ได้มีอะไรที่ดึงดูดมากนัก หนังนำเสนออย่างไม่หวือหวาอะไรนักและบทหนังก็ยังดูมีความน่าสนใจน้อยอยู่
หากใครที่ดูภาพยนตร์เรื่อง Batman v Superman: Dawn of Justice (แบท
รีวิวwonder woman เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
ย้อนไปยังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นยุคที่เจ้าหญิงไดอาน่า มนุษย์ที่มีพลังของเหล่าทวยเทพเติบโตเป็นหญิงสาวหน้าตาสวย แกร่ง สง่า แห่งเผ่าอเมซอน ก่อนจะมาเข้าร่วมทีม Jestice Leagueเจ้าหญิงไดอาน่า บังเอิญเข้ามาเกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่ 1 หลังจากที่ ‘ผู้พันสตีฟ เทรเวอร์’ สายลับจากอังกฤษ หนีการตามล่าจากทหารนาซี โดนยิงเครื่องบินจนตกมาในเกาะเธอมิสซิร่า จนได้ชาวอเมซอน ช่วยไว้ไดอาน่า และชาวอเมซอน ทราบข่าวว่าโลกด้านนอกกำลังจะมีสงครามที่ล้างชีวิตมนุษย์ ซึ่งตรงกับคำทำนายของชาวอเมซอน ว่าเทพแห่งสงครามเอเรส ศัตรูของชาวอเมซอน
จะกลับมาจุติอีกครั้ง และทำให้เกิดความปั่นปวนในโลกมนุษย์ด้วยสงครามเธอจึงขอฮิปโพลิต้า ราชินีชาวอเมซอน ที่เป็นแม่และผู้สร้างเธอจากดินออกจากเกาะไปพร้อมกับสายลับหนุ่ม (เด็กใจแตกหนีตามผู้ชายชัดๆ อ่ะ ล้อเล่นนนน) เพื่อไปปราบเเอเรส เพื่อหยุดยั้งสงครามภารกิจยุติสงคราม และปราบเทพแห่งสงคราม โดยเป็นความร่วมมือระหว่างมนุษย์ และมนุษย์ครึ่งเทพ จึงเริ่มต้นขึ้น และเป็นตำนานบทแรกที่ฮีโร่สาวคนแรกของกลุ่ม JL เปิดตัว
ก่อนที่เธอจะเป็น วันเดอร์ วูแมน (Wonder Woman) เธอคือไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งดินแดนอเมซอน (Amazon) เธอมุ่งมั่นกับการฝึก เพื่อเป็นสุดยอดนักรบที่ไม่มีใครล้มเธอได้ เธออาศัยอยู่บนหมู่เกาะ เธอมิสซิล่า (Themyscira) ที่สวยงามราวกับสวรรค์ แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของเธอได้เปลี่ยนไป เมื่อเครื่องบินรบของอเมริกา ตกบริเวณเกาะของเธอ ทำให้เธอได้พบกับ สตีฟ เทรเวอร์ (Steve Trevor)
เธอได้ช่วยเหลือเขาจากการจมน้ำ หลังจากที่เธอได้พูดคุยกับ สตีฟ เทรเวอร์ ทำให้เธอได้รู้ว่า บนโลกนี้ยังมีสงครามอีกมากมาย ทำให้เธอตัดสินใจเดินทางออกจากเกาะบ้านเกิด ออกเดินทางเพื่อยุติสงครามเหล่านั้น และในการเดินทางครั้งนี้ทำให้เธอเรียนรู้พลังที่แท้ของเธอ และโชคชะตาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของเธอ ดูรีวิวหนังได้ที่นี่
วิเคราะห์ วิจารณ์ wonder woman
Wonder Woman คือฮีโร่หญิงที่โลกต้องการ ผู้หญิงคนนี้จัดว่าครบเครื่อง บู๊ได้ สวยได้ ตลกได้ นอกจากสวยสตรองและเท่ระเบิดระเบ้อโล่แตกแล้ว แต่ยังเป็นตัวแทนความดีงามและตัวแทนเฟมินิสต์ที่แท้ทรู
ตัวหนังเอง ถึงแม้จะยาวถึง 2 ชั่วโมงกับอีก 20 นาทีนิด ๆ แต่ก็สนุกเว่อร์ ความบันเทิงครบรส ฉากแอ็คชั่นนี่เรียกว่าบู๊วินาศสันตะโร ดู IMAX3D นี่คุ้มมาก (บอกเลยว่า เราแอบสะดุ้งกับ 3D ที่พุ่งในหลาย ๆ ฉากรบ เช่น ฉากยิงธนู สมจริงมาก ๆ) ไหนจะซีนโรแมนติก ดราม่า หรือคอเมดี้ ก็มาหมด ที่สำคัญนี่เป็นหนังฮีโร่ที่เล่นประเด็นสงครามและประเด็นเฟมินิสต์อย่างที่หนังฮีโร่เรื่องอื่น ๆ ไม่เคยทำถึงมาก่อน… wonderful จริง ๆ
Wonder Woman เป็นหนังฮีโร่ที่ผสมผสานระหว่าง Thor กับ Captain America กล่าวคือ เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับเทพ ชาว Amazons ถูกสร้างโดยเทพ Zeus และตัวร้ายของเรื่องก็คือ Ares เทพเจ้าแห่งสงคราม แล้วเหตุการณ์ในเรื่องมันเกิดในช่วงสงครามโลก
ประเด็นเทพบางซีนออกจะลิเกไปบ้าง แต่เราก็ชอบที่เขาเล่นประเด็นเรื่องเล่าหรือตำนานปรัมปราเกี่ยวกับเทพเจ้า นางเอกเติบโตมากับเรื่องเล่าของแม่ ชีวิตของเธอก็เหมือนเติบโตมาในโลกเทพนิยาย ที่อยู่สวยงามอย่างกับสรวงสวรรค์ ทั้งเกาะมีแต่ผู้หญิงวัยสาว ไม่มีเด็ก ไม่มีแก่ และใช้ชีวิตอย่างสงบสุข สงครามดูไกลตัวและเป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่จริง ส่วนพระเอกใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสงคราม การสู้รบเข่นฆ่า และไม่ค่อยเชื่อเรื่องเทพ
เราชอบการเติบโตของ Diana ในส่วนของมุมมองที่มีต่อสงคราม ในช่วงแรกเธอถวิลหาถึงสงคราม เธอมีสปิริตแรงกล้า ที่แสดงออกผ่านทางแววตาและการกระทำว่าเธออยากไปรบเพื่อปกป้องโลกและช่วยเหลือคนที่ไม่มีทางสู้ การได้ออกมาสู่โลกความเป็นจริง เธอค่อย ๆ ได้เห็น ได้สัมผัส และได้เรียนรู้ ว่าจริง ๆ แล้ว การทำสงครามมันไม่ได้ง่าย เธอไม่สามารถช่วยคนทุกคนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยคนโดยที่เธอไม่ต้องฆ่าใคร
ซีนที่เราชอบคือ ซีนที่ Diana กำลังเดินทางไปแนวหน้า กับพระเอกและเดอะแก๊ง (ได้แก่ Charlie ชาวสก๊อต (Ewen Bremner จาก Trainspotting), ชาวอินเดียแดง (Eugene Brave Rock), และ Sameer (Saïd Taghmaoui จาก American Hustle)) ตอนนั้น Diana ยังคึกคัก แววตาเหมือนเด็กหญิงกำลังไปโรงเรียนครั้งแรก ในขณะที่ทหารคนอื่นที่กำลังไปพร้อมเธอ แววตาเต็มไปด้วยความซึมเศร้า เบื่อหน่าย และเลื่อนลอย อีกทั้งระหว่างทางเธอสวนกับเหล่าทหารผ่านศึก… ไม่มีใครกลับมาจากสงครามแล้วเหมือนเดิม… ไม่มี ดูหนังได้ที่นี่
อีกซีนสงครามที่เราชอบคือ ซีนที่ Diana ผ่าน “No Man’s Land” ซึ่งเป็นซีนรบจริงจังซีนแรกนับตั้งแต่ Diana ออกมาจากเกาะและมาสู่สมรภูมิที่แท้จริง และเป็นซีนที่เธอสร้างความเปลี่ยนแปลงหรือพลิกเกมให้กับฝ่ายของพระเอก ซึ่งแฟน ๆ หนังแอ็คชั่นวางใจได้ เท่และมัน(ส์)มาก ใครชอบความวินาศสันตะโร ทำลายล้างทั้งแผ่นดิน Wonder Woman ก็จัดให้
บทสรุป wonder woman
9/10 เอาไปเลย อยากจะให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำแต่กลัวโดนด่าว่าอวยเนื้อเรื่องดี สนุก สมเหตุสมผล ดูแล้วมีความตั้งใจเกล กาดอท โคตรดีงาม ส่วนคริส ไพน์ ก็โดดเด่นไม่ทำให้ตัวเองโดนรัศมีนางเอกกลบแพตตี้ เจนกินส์ ผู้กำกับที่เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำหนังฮีโร่ยุคใหม่ (นับตั้งแต่ Marvel และ DC เปิดจักรวาลฮีโร่ด้วยตัวเอง) ได้สนุกมากกกชุดเกราะสวยงาม ลืมภาพลักษณ์ Wonder Woman ฮีโร่เพื่อนหญิงพลังหญิงของอเมริกาไปเลย เพราะเธอเป็นฮีโร่ที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงทั้งโลกมากกว่า
โดยที่หนังยังมีคำถามถึงตัวตนของไดอาน่าและความคุ้มค่าของการออกไปปกป้องเหล่ามนุษย์โลกให้เราติดตามกันว่าที่สุดแล้วสิ่งที่ไดอาน่าเชื่อและศรัทธาที่จะปกป้องมนุษย์นั้นถูกหรือผิด ซึ่งในจุดนี้หนังสื่อออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยค่อยๆปล่อยเหตุผลและความเป็นจริงให้เราได้เห็นเป็นระยะๆในขณะที่เริ่มเข้าสู่สงครามและการต่อสู้อันโหดร้าย
โดยบทบู๊นั้นมีให้เห็นตามสมควร (ทำออกมาได้สวยงามดีทีเดียว) และก็เช่นเดิมความฟินต่างๆจะมาอยู่ในช่วงท้ายของหนังที่สนุกตื่นเต้นและมีเรื่องราวหักมุมให้เห็นบ้างเป็นระยะๆ ตลอดจนการอัพพลังการต่อสู้ของวันเดอร์วูแมนก็ทำออกมาได้ดี (แม้จะฟินไม่สุดนิดหน่อยตรงช่วงสุดท้ายก็ตาม) .. ซึ่งสิ่งที่ตามมาให้คิดคือสเกลพลังของวันเดอร์วูแมนจริงๆแล้วในหนังอยู่ในระดับไหน ความเร็วและพลังเทียบกับใครได้บ้างในมวลหมู่เหล่าซูเปอร์ฮีโร่ชาย และเมื่อเชื่อมโยงสู่ Justice League พลังและบทบาทของเธอจะโดดเด่นเพียงใด ก็เป็นสิ่งที่น่าติดตามอย่างยิ่ง หนังดูได้เลยครับสนุกคุ้มค่า ดูรีวิวหนังได้ที่นี่