รีวิว Thor (2011)
ก่อนที่เราจะเขามาดูเกี่ยวกับหนังเราต้องทำความรู้จักกับ ประวัติคร่าวๆของ เทพเจ้า ธอร์ กันก่อน.
เดิมทีธอร์คือบุตรแห่งโอดิน เทพเจ้าสายฟ้าผู้ปกครองแอสการ์ด ธอร์ได้ทำผิดโทษฐานเข้าไปโจมตียักษ์น้ำแข็ง โอดินจึงลงโทษธอร์ให้ตกลงไปอาศัยอยู่ในโลกในนามของหมอพิการโดนัลด์ เบลค เพื่อสั่งสอนให้ธอร์มีความเมตตา เมื่อธอร์เกิดความเมตตาที่ต้องรักษาผู้เจ็บป่วย เมื่อโอดินเห็นจึงเนรมิตไม้เท้าไว้ที่ภูเขาแห่งหนึ่ง ดร.เบลคได้ไปเจอไม้เท้าอันหนึ่งเมื่อเค้าเคาะเค้าก็กลายร่างเป็นธอร์ เทพเจ้าสายฟ้าและความทรงจำทั้งหมดก็ได้กลับมา เขาจึงได้เดินทางไปมาระหว่างโลกและแอสการ์ด
สิ่งที่คู่กับเทพเจ้าสายฟ้าธอร์ คือ โยเนียร์(Mjolnir)
อาวุธประจำตัวของตระกูล โอดินสัน โดยผู้ถือค้อนต้องเป็นผู้ที่คู่ควรเท่านั้นถึงจะยกมันได้โดยเป็นอาวุธหลักของ ธอร์ มีความสามารถในการเรียกหรือปล่อยสายฟ้าใส่ศัตรูได้ โดยศาสตราวุธชิ้นนี้สร้างจากแร่อูรู
ผู้ที่คู่ควรในการยกค้อนโยเนียร์[แก้]
ผู้ที่คู่ควรในการยกค้อนต้องมีความคู่ควรและสามารถใช้พลังอำนาจแห่งธอร์ได้โดยโอดินลงคาถาเอาไว้ มีดังนี้
1.ธอร์
2.โอดิน
3.สตีฟ โรเจอร์ส / กัปตันอเมริกา
4.โลกิ
5.โอโรโร่ มันโร / สตอร์ม
6.อีริค เล็นเชอร์/แม็กนีโต้
7.ธันเดอร์ สไตรค์
8.ปีเตอร์ ควิลล์ / สตาร์-ลอร์ด
9.จอห์น วอล์คเกอร์ / ยูเอสเอเจนต์
10.เจน ฟอสเตอร์
11.วิชั่น
12.แบล็กแพนเทอร์
รีวิว Thor (2011) ทันทีทันใดที่ภาพยนตร์เรื่อง The Avengers เข้าฉาย และกวาดรายได้สุดสัปดาห์แห่งการเปิดตัวมากที่สุดเป็นประวัติกาล $207 ล้านดอล์ล่าร์สหรัฐฯ ทำให้ผู้เขียนรีบหยิบภาพยนตร์เรื่อง Thor ขึ้นมาชมในบัดดล เพราะใน The Avengers นั้นมีตัวละครสองตัวสำคัญอยู่ในเรื่อง The Avengers ทั้ง ธอร์ (Chris Hemsworth) และ โลกิ (Tom Hiddleston) เพื่อที่จะสามารถชม The Avengers ได้อย่างเต็มอรรถรส
ภาพยนตร์เรื่อง Thor เล่าเรื่องราวถึง ดินแดนแอสการ์ด ของกษัตริย์ โอดิน ที่มีบุตรชายสองคนนั่นคือ ธอร์(พี่) และ โลกิ(น้อง) โดยวันพิธีแต่งตั้งให้ ธอร์ เป็นกษัตริย์แทน โอดินนั้น ก็เกิดเหตุการณ์ที่ยักษน้ำแข็งแห่ง อาณาจักรโยธันไฮม์ บุกเข้ามาเพื่อขโมยอาวุธของเขาที่ถูกโอดิน ยึดไว้ในสงครามของสองอาณาจักรในครั้งก่อน และด้วยการโกรธแค้นของ ธอร์ ทำให้รวมพลขัดขืนคำสั่งท่านพ่อและ บุก โยธันไฮม์ จนถูกลงโทษโดยเนรเทศเป็นมนุษย์
สังเกตเห็นว่า ถ้าผู้ชม ลองวิเคราะห์ถึงความสมเหตุสมผล ของแต่ละฉากแต่ละซีนของ ภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วนั้น จะพบข้อบกพร่องต่างๆ มากมาย กล่าวจนไม่หวาดไม่หวั่นเลยทีเดียว โดยจุดแรกที่พบเห็นนั่นคือ การขัดขืนคำสั่งเทพโอดินของธอร์เพื่อเข้าไปบุก โยธันไฮม์ หลังจากพวกยักษ์น้ำแข็งแอบเข้ามาเพื่อขโมยอาวุธของพวกมันคืน
ไม่น่าเชื่อว่า ธอร์ ผู้กำลังได้เป็นกษัตริย์ แทนเทพโอดิน มีสายตาแห่งการทำสงครามเป็นที่ตั้งอย่างน่าแปลกใจ ไม่สนใจและฟังคำสั่งของใคร บุกเข้าไปฆ่าและทำร้ายศัตรูดั่งของเล่นสนุก แต่หากเข้าใจในทิศทางของภาพยนตร์ ก็อาจพบว่า สิ่งที่ต้องการจากซีนนี้นั่นคือ ต้องสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้ ธอร์ ทำผิดและ ถูกเนรเทศ ตกสวรรค์ นั่นเอง แต่มันทำให้ เทพอย่างธอร์ มีบุคลิกไม่ต่างจากอาญากรสงคราม ในโลกมนุษย์เลยทีเดียว
อีกข้อที่น่าอึดอัดใจก็คือ โลกิ ผู้น้อง ชัดเจนว่าเขาอิจฉา ธอร์ ที่กำลังจะได้เป็นกษัตริย์ จึงจัดฉากในการทำให้ยักษ์น้ำแข็งเข้ามาขโมยอาวุธ แต่น่าแปลกที่ โลกิ เลือกใช้ การกระทำการเข้าร่วมกับศัตรู ทั้งๆที่ในความเป็นจริงนั้น มีเหตุผล 108 ที่จะหาวิธีเช่นไรเพื่อทำให้ตัวเองได้เป็นคนที่น่าชื่นชมในสายตาของเทพโอดิน เพราะโลกนี้ไม่ใช่มีเพียง ขาว-ดำ เหมือนในเทพนิยาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำลายขนบเทพนิยายและเป็นไม่ต่างจากภาพยนตร์สมัยใหม่แต่กลับยังสร้างบุคลิกตัวละคร แบนราบ เป็นสองขั้ว เหมือนเทพนิยายสมัย พันปีที่แล้ว
ที่กล่าวเช่นนี้หมายถึงว่า ในการสร้างบุคลิกของตัวละครเช่นนี้นั้น เท่ากับว่า เป็นการแยกแยะความดี-ความชั่ว เป็นขาว-ดำ ซ้าย-ขวา แบบรวบรัดคู่ตรงข้าม ซึ่งเป็นสิ่งที่ล้าสมัยมากมาย และยิ่งถ้าลองวิเคราะห์ตัวละครโลกิ ให้ลึกเข้าไปแล้ว การทำลายงานพิธี เพื่อไม่ให้ ธอร์ ได้เป็นกษัตริย์ แต่กลับเปิดทางให้ยักษ์เข้ามาเอาอาวุธ ซึ่งไม่ต่างจากการเปิดสงครามครั้งใหม่ แล้วนั้น โลกิ จะได้เช่นไร นอกจากการสู้รบและความตาย ซึ่งยิ่งไกลห่างจากเป้าหมายที่ต้องการให้ตนเองได้รับความนิยมจากท่านพ่อ มากขึ้นทุกที
นี่คือการยกตัวอย่างขึ้นมาเพื่อให้เห็นจุดที่บอกว่า ภาพยนตร์ Thor ใช้การวางบุคลิกตัวละครแบนราบไม่มีมิติ แม้ภาพยนตร์กำลังให้ ธอร์ ได้เรียนรู้ในการใช้ชีวิต ในโลกมนุษย์ จนทำให้เปลี่ยนเป็นคนละคน มีความสุขุมและเยือกเย็นมากขึ้น ชัดเจนในฉากที่ ธอร์ เผชิญ หน้ากับ หุ่นยนตร์ที่โลกิ ส่งมาเพื่อฆ่าธอร์ (ผู้เขียนจะแกล้งละเลยว่า โลกิ ส่งหุ่นยนตร์มาฆ่า ธอร์ เพื่อเหตุใดแล้ว การหากการฆ่าธอร์สำเร็จนั้น เป็นไปได้หรือที่ท่านพ่อจะให้โลกิเป็นกษัตริย์) แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่า การเรียนรู้ในจุดใดของโลกมนุษย์ที่ทำให้ ธอร์เปลี่ยนไป นอกจากการได้พบ เจน (Natalie Portman) ซึ่งไม่ได้มีการเน้นย้ำอันใดเลย ที่บังเกิดถึงความรักขึ้นมา
ดังนั้นหากสรุปในสารของภาพยนตร์ที่สื่อออกมานั้น คงออกมาในรูปแบบที่โลกบนสวรรค์นั้นมันช่างบ้าสงคราม แก่งแย่งชิงดี ในอำนาจความเป็นใหญ่ ส่วนโลกของมนุษย์นั้นแม้จะพบเห็นในการค้นคว้าทดลองวิทยาศาสตร์ของกลุ่มคน แต่ก็ยังไม่พบความดี ของโลกที่พอจะทำให้ ธอร์ เปลี่ยนไปได้พอ (ธอร์ ยังใช้ความรุนแรง เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ)
จึงอาจกล่าวสรุปได้ว่า ภาพยนตร์ Thor นั้น แม้จะทำให้ดาวรุ่งสองนายบังเกิด ทั้ง ธอร์ (Chris Hemsworth) และ โลกิ (Tom Hiddleston) ด้วยความมีเสน่ห์ทั้งแววตาและบุคลิกท่าทาง แต่ด้วยโครงเรื่องที่ค่อนข้างยึดติดเอาไว้ ว่าต้องเป็นไปในรูปแบบใด แต่ขาดซึ่งรายละเอียด ที่สมเหตุสมผล จนทำให้เกิดอาการสะเปะสะปะ แบบที่เห็น จุดเด่นที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้จะอยู่ที่นักแสดงนำสองนาย บวกกับการเคลื่อนที่กล้องที่น่าสนใจ รวมทั้งมุมกล้องที่แปลกตา หลายต่อหลายครั้ง จนอาจเรียกได้ว่า เป็นสองจุดที่ประทับใจในภาพยนตร์ก็เป็นได้
ภาพยนตร์ Thor เป็นงานบันเทิง ที่แม้นจะทำให้ Chris Hemsworth และ Tom Hiddleston แจ้งเกิดขึ้นมา(หลังจากเรื่องนี้ ทั้งสองตารางงานแน่นชุก) ที่แฟนพันธ์แท้ของการ์ตูนมาร์เวลคอยอุดหนุนอยู่เสมอ ทำให้ตัวหนังจะออกมาเป็นเช่นไร รายรับทางการตลาดก็ยังสูงลิ่วอยู่ตลอดเวลา
และหวังว่าจะไม่โกรธผู้เขียน หากจะเอ่ยว่า ภาพยนตร์เรื่อง Thor มันเป็นงานประโลมโลก ที่ไม่ได้จรรโลงความคิดอะไรใหม่ๆเสียเลย นอกจากความบันเทิงแบบ ผ่านๆไป และรูปร่างหน้าตาของนักแสดงนำ เท่านั้นเอง
แฟนๆ marvel ที่อยากติดตาม ข่าวสารใหม่ๆ ที่อัพเดทใหม่ ทุกวันเกียวกับ จักรวาล marvel ง่ายๆ แค่คลิกที่นี่ รีวิวหนัง มีทั้งสปอยหนัง รีวิวหนัง และยังอีกมากมาย