รีวิว The Little Mermaid เงือกน้อยผจญภัย – การรีเมคของดิสนีย์ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั่น
หนังของค่ายดีสนีย์ที่มาในแนวผจญภัยใต้ท้องทะเล ที่ดูเพลินได้ทุกเพศทุกวัย เรื่อง The Little Mermaid เงือกน้อยผจญภัย (2023) ที่เข้าฉายทุกโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา จากผู้กำกับ ร็อบ มาร์แชล นำทีมแสดงโดย ฮัลลี เบลีย์ รับบท แอเรียล , โจนาห์ ฮาวเออร์-คิง รับบท เจ้าชายอีริก , เมลิสซา แม็กคาร์ธี รับบท เออร์ซูลา เรื่องราวความรักของเงือกน้อยผู้ไร้เดียงสา จะผิดหวังหรือสมหวังกันนะ มาลุ้นไปพร้อมกัน สุดท้ายนี้ ท่านใดสนใจ หนังน่าดู ซีรีส์น่าติดตาม สามารถไปติดตามรับชมหนังเรื่องอื่น ๆ ได้ที่นี่ ดูหนังออนไลน์
รีวิว The Little Mermaid เงือกน้อยผจญภัย การรีเมคหนังจากกาตูนสุดคลาสสิค แอเรียล
เรียกเสียงวิจารณ์และเหล่า Hater ได้ตลอดนับแต่วันปล่อยทีเซอร์หนัง เทรลเลอร์และภาพนิ่งจากภาพยนตร์สำหรับ ‘Disney’s The Little Mermaid’ หรือ ‘เงือกน้อยผจญภัย’ ที่มีฐานแฟนคลับจากแอนิเมชันดั้งเดิมและที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือการเป็นหนี่งในสัญลักษณ์ของ LGBTQIA+ ทั้งโดยนัยและความชอบที่แผ่กระจายไปทุกเพศทุกวัย
โดยเป้าหมายของการโจมตีหลัก ๆ ของหนังคือเรื่องโทนภาพที่ลดความสดใสลงและแน่นอนการแคสต์ แฮลลี เบลีย์ (Halle Bailey) นางเอกเงือกน้อยผจญภัย ผิวดำมาเป็นแอเรียลจนเกิดคำถามว่า ดิสนีย์พยายามตามกระแสโวค (Woke) จนเกินงามไปหรือเปล่า สำหรับเนื้อเรื่องที่ถูกเล่าเรียง ตัวหนังในเวอร์ชั่นนี้ ยังคงไว้ซึ่งเรื่องราวของความรักระหว่าง “แอเรียล” เจ้าหญิงเงือกน้อยผู้ไร้เดียงสา
ซึ่งรับบทโดย ‘ฮัลลี เบลีย์ (Halle Bailey)’ และมนุษย์อย่าง “เจ้าชายอีริก” ที่รับบทโดย ‘โจนาห์ ฮาวเออร์-คิง (Jonah Hauer-King)’ จนเงือกน้อยหลงไปแลกเสียงของเธอ และเปลี่ยนหางนางเงือกให้เป็นขา เพื่อตามหารักบนแผ่นดินใหญ่เหนือมหาสมุทร
เรื่องย่อ The Little Mermaid เงือกน้อยผจญภัย
the little mermaid เจ้าหญิงเงือกน้อย เป็นเรื่องราวของ แอเรียล ธิดาของราชาไทรตันแห่งโลกใต้สมุทร ชีวิตของเธอต้องอยู่ใต้คำบัญชาจากพ่อ แม้ว่าเธอฝันใฝ่อยากจะเป็นมนุษย์เดินดินและตกหลุมรักเจ้าชายอีริค กระทั่งยอมแลกเสียงของเธอเพื่อรับมนตร์ให้กลายร่างเป็นมนุษย์ 3 วัน และทำภารกิจเพื่อให้เจ้าชายจุมพิตรักแท้กับเธอให้ได้ แต่มันก็แลกมาด้วยความเจ็บปวดที่สะเทือนใจยิ่งกว่าจะการหลั่งน้ำตา
หากมองข้ามเรื่องนักแสดง The Little Mermaid 2023 นับเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดเลย
ต้องยอมรับว่าโลกใต้สมุทรในหนัง the little mermaid ฉบับคนแสดง เวอร์ชั่นนี้ ปนเปไปด้วยความสมจริงและความประหลาดควบคู่กันไปอย่างน่าพิศวง หลาย ๆ ฉากสร้างความตื่นตาตื่นใจได้ดี แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ ฉากที่รู้สึกว่าซ้ำซากจำเจ และเข้าสู่สูตรสำเร็จเดิม ๆ ที่เราเคยเห็นองค์ประกอบอะไรแบบนี้ในหนังดิสนีย์เรื่องก่อน ๆ มาแล้ว อีกทั้งรายละเอียดที่ใส่เข้ามาประกอบตัวละครต่าง ๆ ก็ยังดูไม่ค่อยสมจริงที่สุด เป็นการใส่ซีจีที่เหมือนทำให้รู้ว่าเป็นซีจี ยังไม่ถึงจุดที่ทำให้ขัดใจแต่ก็แบบตะหงิดใจได้อยู่เล็กน้อย
แน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้เลยคือองค์ประกอบความเป็นมิวสิคัล เวอร์ชั่นนี้ก็หยิบเอาเพลงดัง ๆ จากต้นฉบับคัฟเวอร์ใหม่กับมิติใหม่ ๆ ที่ไพเราะและอลังการขึ้น แต่ยังแอบเสียดายอยู่เล็กน้อย เพราะกลายเป็นว่าบทเพลงต่าง ๆ ยังไม่ค่อยทรงพลังมากนัก นอกจากเพลง “Part of Your World” ที่ยังกังวานเสนาะหูคนดูอย่างไม่เสื่อมคลาย และอีกเพลงที่ถือว่าเซอร์ไพรส์เบา ๆ ก็คือ “Kiss the Girl” ที่น่าจะเป็นซีนที่โดดเด่นที่สุดทั้งหมดของเรื่องนี้แล้ว
The Little Mermaid กับดราม่านักแสดงไม่ตรงตามต้นฉบับ
เมื่อพูดถึงนักแสดง ที่เป็นอีกหนึ่งดราม่ามีกระแสตีกลับ เรื่องสีผิวของนักแสดงที่ผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับตั้งแต่เปิดตัว อย่าง ฮัลลี เบลีย์ นักร้องสาวเจ้าของเสียงไพเราะอันทรงพลังชาวอเมริกัน ผู้มารับบทเป็นตัวละครเอกอย่าง เงือกน้อยแอเรียล ซึ่งถือเป็นสุดยอดตัวละครไอคอนนิคของดิสนีย์ เข้าถึงบทด้วยทักษะการแสดง และการร้องเพลงแบบมิวสิคัลที่ยอดเยี่ยม หากลืมเรื่องดราม่าก่อนหน้านี้ไป
ในส่วนของการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละคร และการนำเสนอเรื่องราวผ่านน้ำเสียงอันไพเราะในบทเพลงประจำชาติของเหล่าสาวกแอเรียล อย่างเพลง “Part of Your World” ก็ทำได้ดีอย่างมาก ไม่แพ้ต้นฉบับเลย รวมถึงนักแสดงทุกคนที่ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้ดี และสามารถร้องเพลงได้ไร้ที่ติ
และกลับกลายเป็นว่าตัวละครแอนิเมชั่นประกอบในหนัง The Little Mermaid กลายเป็น MVP ของหนังเรื่องนี้ ถึงจะมีเสียงวิพากย์วิจารณ์เกี่ยวกับความประหลาด ๆ ของน้องที่ดูสมจริงเกินไป แต่ต้องยอมรับว่า เซบาสเตีนน, ฟลอนเดอร์ และ สกูทเทล เป็นคาแรกเตอร์ที่มาทำหน้าที่นางแบกให้กับเรื่องนี้โดยเฉพาะ the little mermaid ฉายวันไหน เป็นตัวสร้างสีสันและอรรถรสได้ดีที่สุด คงต้องขอบคุณทีมพากย์ดารา “เดวีด ดิกส์”, “เจคอบ เทรมเบลย์” และ “อควาฟิน่า” เป็นดรีมทีมที่ดี
รีวิว The Little Mermaid เงือกน้อยผจญภัย ฉากใต้น้ำกับตัวละครแอนิเมชั่นรายละเอียดต่าง ๆ โอเคเลย
สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเหล่าสารสัตว์ผู้พยายามช่วยให้ภารกิจจุมพิตกับเจ้าชายประสบความสำเร็จ ฉากที่คอยช่วยเหลือทั้งสองคนอยู่เบื้องหลังเป็นหนึ่งในช่วงของภาพยนตร์ที่สนุกที่สุดในความเห็นของผู้เขียน สนุกจนคิดว่าถ้าไม่มีตัวละครเหล่าเพื่อนของแอเรียลเหล่านี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้คงไม่สนุกเท่านี้ (น่าจะตรงกับเวอร์ชั่นการ์ตูนด้วย) รวมไปถึงตัวละครออกโรงใหญ่โตอย่างแม่มดทะเลเออร์ซูลา สูตรสำเร็จตัวร้ายที่เล่นได้น่าหมั่นไส้ดีทีเดียว
โดยในหนังฉบับนี้ก็ได้ผู้กำกับดีกรีรางวัลออสการ์และตัวพ่อหนังมิวสิคัล อย่าง “ร็อบ มาร์แชล” มานั่งเก้าอี้ดูแลงานสร้าง ที่ถือว่าเก็บรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับความเป็นแฟนตาซีและมิวสิคัลได้อย่างน่าพอใจ แม้ว่ายังมีอีกหลายองค์ประกอบที่หนังเรื่องนี้ยังทำได้ขาด ๆ เกิน ๆ และมอบรสชาติออกมาที่ยังไม่กลมกล่อมเท่าที่ควรนัก แต่มันก็ไม่ใช่หนังที่ย่ำแย่อะไรเลยเช่นกัน
ตามที่เกริ่นไปข้างต้นนั้นว่า The Little Mermaid ที่กลายมาเป็นฉบับไลฟ์แอคชั่นนั้น ความท้าทายอยู่ที่งานโปรดักชั่นโดยแท้ เพราะการออกแบบโลกใต้ท้องสมุทรที่ถือว่าเป็นฉากไฮไลต์หลัก ๆ แทบจะมากกว่า 60% ของเรื่องนี้เป็นงานที่ยากไม่น้อย
ไมว่าจะเป็นรายละเอียดการเคลือนไหวของตัวละคร ไปจนถึงการเข้าฉากใต้น้ำกับตัวละครแอนิเมชั่น ทุก ๆ ซีนมีความยากในระดับที่แตกต่างกันออกไป แต่หนังก็ถือว่าพยายามเก็บรายละเอียดต่าง ๆ เอาไว้ได้ดีที่สุด ถึงมันจะยังไม่ได้สมบูรณ์แบบและคมกริบอะไรขนาดนั้น
บทสรุปหนัง The Little Mermaid เงือกน้อยผจญภัย
หากคุณเป็นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้ของ Disney มาแต่ไหนแต่ไร จำหลายๆ คำพูดของตัวละครได้ จำคาแร็กเตอร์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี และมีความผูกพันที่พิเศษกับการ์ตูนเรื่องนี้ อาจจะบอกได้เต็มปากเต็มคำว่าเวอร์ชั่นไลฟ์แอ็กชั่นอาจไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ดีนักที่จะบอกได้ว่าสามารถถ่ายทอดจากเวอร์ชั่นการ์ตูนออกมาได้ตรงตามที่เวอร์ชั่นต้นฉบับ หรือถ่ายทอดคาแร็กเตอร์ของตัวละครจากเวอร์ชั่นต้นฉบับออกมาได้ดีมากขนาดนั้น
ไม่ว่าจะเป็นคาแร็กเตอร์ตัวเด่นอย่างแอเรียลที่ไม่ได้ผิวขาวตาโดผมแดงตามอย่างในการ์ตูน นกสกิตเติ้ลที่เปลี่ยนสายพันธุ์ หน้าตาของเหล่าสัตว์อย่างเจ้าลูกปลาขี้กลัวฟลาวเดอร์และปูช่างเจรจาเซบาสเตียน ที่รูปลักษณ์ภายนอกแตกต่างจากเวอร์ชั่นการ์ตูนลิบลับ (ต้องแตกต่างอยู่แล้ว) พูดง่ายๆ ก็คือแค่เห็นภาพก็อาจจะไม่อินเอาได้ง่ายๆ ซึ่งเป็นความท้าทายของหนังไลฟ์แอ็กชั่นที่มาจากการ์ตูนทุกเรื่อง
โดยรวมตัวภาพยนตร์เวอร์ชั่นรีเมคนี้ มีการเพิ่มเติมตัวละครใหม่ๆ ซึ่งอาจมองดูไม่จำเป็นนัก ในความคิดเห็นของผู้ชมบางส่วน ทั้งนี้ยังมีการตัดตัวละคร และบางประเด็นออกไปด้วยเช่นกัน แต่เราจะยังคงได้ฟังทั้งเพลงดังที่นับว่าเป็นไอคอนนิคของเงือกน้อยผจญภัย
อาทิ เพลง “Under the sea” และ “Kiss the girl” จากสองตัวละครสายฮาอย่าง “เซบาสเตียน” อำมาตย์ปูแดง และ “สกัทเทิล” นกนางนวล ที่มีการเรียบเรียงทำนองใหม่ ควบคุมการบรรเลงโดย อลัน เมนเคน (Alan Menken) ผู้ที่เคยทำดนตรีให้กับอนิเมชันต้นฉบับ และได้ ลิน มานูเอล มิแรนดา (Lin Manuel Miranda) มาแต่งเนื้อร้องให้โดยยังคงไว้ ซึ่งกลิ่นอายเดิมแบบฟังแล้วไม่ช็อตฟีล
ประเภท: โรแมนติก / แฟนตาซี / มิวสิคัล
ผู้กำกับ: ร็อบ มาร์แชล
นำแสดงโดย: ฮัลลี เบลีย์, โจนาห์ ฮาวเออร์-คิง, เมลิสซา แม็กคาร์ธี
ความยาว: 153 นาที
กำหนดฉายในไทย: 25 พฤษภาคม 2023
สามารถไปติดตามเรื่องราวความสัมพันธ์สุดอบอุ่นระหว่างคนกับหมาได้ที่ รีวิวหนัง Dog Gone หมาหลง