รีวิว Only Murders In The Building – ซีรีส์สืบสวนคอมเมดี้แห่งปี 2022
Only Murders in the Building season 2 ซีรีส์แนวตลกสืบสวนสอบสวน เรื่อง Only Murders In The Building 2022 ผลงานการสร้างสรรค์โดย จอห์น ฮอฟฟ์แมน (ซีรีส์ Looking) และ สตีฟ มาร์ติน (The Pink Panther) ที่ว่าด้วยเรื่องราวของอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งใจกลางเมืองนิวยอร์ก ที่ในคืนหนึ่งได้มีโศกนาฎกรรมเกิดขึ้นเมื่อพบวาชายคนหนึ่งได้เสียชีวิต เบื้องต้นทางตำรวจได้สรุปเหตุการณ์นี้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย เรื่องราวของคดีฆาตกรรมในอาคาร ผ่านการสืบสวนผู้อยู่อาศัยในตึก 3 คนต่างวัยมาร่วมกันทำพอดแคสต์ไขคดีปริศนาในตึกนี้ สุดท้ายนี้คุณสามารถไปติดตาม รีวิวหนังมาร์เวล คลิกเลย
รีวิว Only Murders In The Building เรื่องราวของสามนักสืบมือสมัครเล่น
เรียกว่าสานต่อความสนุกของซีรีส์แนวสืบสวนคอมเมดี้ของสามนักสืบมือสมัครเล่น นำแสดงโดย สตีฟ มาร์ติน รับบท โอลิเวอร์, มาร์ติน ชอร์ต รับบท ชาร์ลส์ และ เซลีนา โกเมซ รับบท เมเบิล ใน Only Murders in the Building แล้วหรือยัง?
การกลับมาของพวกเขาในซีซั่น 3 เป็นโอกาสดีที่อยากชวนผู้ชมมาทบทวนการคลี่คลายคดีสุดอลเวงในซีรีส์สืบสวนชวนไขคดีปริศนาที่แทรกด้วยอารมณ์ขันแบบทีเล่นทีจริงตลอดทั้งเรื่องและเหตุการณ์หักมุมกันแบบคาดไม่ถึง
ได้มี 3 เนิร์ดเรื่องสืบสวนอย่าง ชาร์ลส (สตีฟ มาร์ติน), โอลิเวอร์ (มาร์ติน ชอร์ต) และ มาเบล (เซเลน่า โกเมซ) ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์ ได้สังเกตเห็นถึงความไม่ปกติของคดีนี้ และเชื่อว่านี่ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่คือคดีฆาตกรรม ทั้ง 3 เลยได้รวมทีมกันเพื่อสืบสวนเความจริงของคดีนี้ พร้อมทำพอดแคสท์ของคดีนี้ เพื่อตามหาว่าใครคือคนร้ายของคดีนี้
ความน่าสนใจของ Only Murders in the Building คือการนำเสนอซีรีส์แนวสืบสวนที่มีรสชาติต่างจากเรื่องอื่น ๆ อย่างแรกคือการที่ซีรีส์เลือกที่จะเล่าผ่านตัวเอกที่เป็นคนธรรมดา ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เหมือน Only Murders in the Building Season 1
อย่างที่สองคือการที่ซีรีส์เลือกที่จะเล่าแบบคอเมดี้ มาเป็นส่วนผสมควบคู่ไปกับการสืบหาความจริง ซึ่งซีรีส์ก็สามารถใช้ความแปลกใหม่นี้ มาผสมผสานกับการดำเนินเรื่องของซีรีส์สืบสวนสูตรสำเร็จ ออกมาได้อย่างลงตัว และชวนติดตาม ดูหนังใหม่
การดำเนินเรื่อง
เรื่องราวของทั้งสามสามารถสร้างความบันเทิงให้กับคนดูได้อยู่หมัด นอกจากนี้ทีมนักแสดงสมทบในซีรีส์ต่างก็สามารถร่วมสร้างสีสันได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น สติง และ จิมมี่ ฟัลลอน ที่รับบทเป็นตัวเอง และ เจน ลินซ์ (ซีรีส์ Glee) ที่มาในบทที่เซอร์ไพรส์คนดูไม่น้อย
ทั้งสามสามารถสร้างความบันเทิงให้กับคนดูได้อยู่หมัด นอกจากนี้ทีมนักแสดงสมทบในซีรีส์ต่างก็สามารถร่วมสร้างสีสันได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น สติง และ จิมมี่ ฟัลลอน ที่รับบทเป็นตัวเอง และ เจน ลินซ์ (ซีรีส์ Glee) ที่มาในบทที่เซอร์ไพรส์คนดูไม่น้อย
ซีรีส์มีทั้งหมด 10 ตอน ตอนละประมาณ 30 นาทีเท่ากันหมด โดยทำเรื่องราวในแต่ละตอนเป็นแนวพอดแคสต์ผสมกับการสืบสวนคดีฆาตกรรมไปพร้อมกัน จุดเด่นที่สุดคือการให้แต่ละตอนมีเอกลักษณ์พิเศษแตกต่างกันไปเรื่อยๆ
โดยเริ่มจากตอนแยกเล่าเรื่องของตัวละครหลักทั้ง 3 คนเพื่อให้รู้แบ็คกราวด์ที่มาที่ไปนิสัยใจคอ อย่างชาร์ลส์คือคนสูงวัยที่กำลังจะเสียบ้านเพราะไม่มีงานทำ ลูกก็ไม่รัก โอลิเวอร์คือคนสูงวัยที่ยึดติดกับชื่อเสียงเก่าๆ จากที่เล่นเป็นตัวเอกในซีรีส์สืบสวน
เมเบิลคือผู้หญิงรุ่นใหม่ที่มีอดีตลึกลับเกี่ยวข้องกับตึกแห่งนี้ โดยตอนแยกก็เล่าเรื่องราวการสืบคดีในปัจจุบันไปพร้อมกัน นอกเหนือจากนั้นก็เป็นตอนที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะเล่าเรื่องต่างกันไปเรื่อยๆ อย่างตอน 7 เป็นการเล่าเรื่องแบบไม่มีบทพูด เหมือนหนังเงียบ
โดยอิงกับเหตุการณ์ในเรื่องตอนนั้นที่ต้องห้ามใช้เสียงพูดคุย แต่ใช้ท่าทางแทนบทพูดที่คนดูเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติ กลายเป็นตอนที่ติสแหวกแนวมาก แต่กลับออกมาสนุกด้วยจังหวะต่างๆ ที่ลงตัว หรือตอนที่เล่าเรื่องในมุมของแฟนคลับพอดแคสต์ ที่แฟนแต่ละคนก็มีไอเดียทฤษฎีฆาตกรรมแหวกแนวในมุมมองแบบแฟนคลับที่เก็บรายละเอียดจากจุดที่ตัวเอกหลักมองไม่เห็น
จุดเด่นของซีรี่ส์ Only Murders In The Building
ส่วนคดีในเรื่องหลักคือการสืบหาการตายของทิมโคโน ที่ยาวไปจนจบ 10 ตอนถึงจะปิดคดีลงได้ แต่ในระหว่างทางจะมีคดีซ้อนอีกถึง 2 คดีที่เกี่ยวข้องทั้งในอดีตกับปัจจุบัน ทำให้ตัวเรื่องลึกกว่าที่เห็นมาก แต่แนวทางการสืบคดีในเรื่องจะเป็นแบบบ้านๆ คนธรรมดา 3 คนที่คลั่งไคล้อาชญากรรมพยายามสืบเรื่องราวกันเองจากการสอบถามข้อมูลผู้คนในตึก
การปะติดปะต่อเรื่องราวจากคนในตึกเมาธ์นินทากันเอง หลักฐานจากการคุ้ยถุงขยะ ทฤษฎีสมคบคิดที่แต่ละคนพยายามถกกัน โดยมีตำรวจมาเกี่ยวข้องนิดหน่อยจากวงนอกเท่านั้น แต่ในความบ้านๆ นั้นกลับทำให้รู้สึกสดใหม่แบบที่ไม่มีเรื่องไหนทำแบบนี้อย่างจริงจังมาก่อน
เพราะส่วนมากตัวเอกในแนวสืบสวนต้องเก่งมาแต่แรก ไหวพริบดี มีโปรไฟล์ด้านการสืบสวนติดตัวมา แต่ในเรื่องนี้ตัวเอกทั้ง 3 คนไม่ได้มีโปรไฟล์ด้านการสืบสวนของจริงเลยสักนิด (มีแค่โอลิเวอร์เป็นพระเอกซีรีส์สืบสวนยุคเก่า)
และทั้ง 3 คนก็ยังมีความขัดแย้งถกเถียงในแนวทางสืบสวนกันอยู่ตลอดเวลา และก็ไม่มีใครถูกหรือผิดหรือใครเก่งกว่ากัน เนื้อเรื่องมีพลิกไปพลิกมาตามทางของแต่ละคนไปจนจบเรื่องแบบที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลย เพราะความบ้านๆ ของเรื่องราวแบบที่คาดเดายากมากว่าใครกันแน่เป็นร้ายในตึกแห่งนี้
และจุดเด่นอีกอย่างคือพวกมุกติดตลกในเรื่องทำออกมากลมกลืนไปกับเรื่องราวได้ดี อาจจะมีเพี้ยนๆ หลุดโลกบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในกรอบแนวทางการสืบสวนที่มีประโยชน์กับเรื่อง โดยตัวละครหลักที่เน้นยิงมุกคือ ชาร์ลส์กับโอลิเวอร์ สองคนแก่วัยเกษียนที่มีปมบอบช้ำในชีวิตแตกต่างกัน
แต่ตัวเรื่องเอาปมบอบช้ำของทั้งคู่มาเป็นมุกตลกให้เข้ากับเรื่องได้เป็นอย่างดี อย่าง โอลิเวอร์ที่มีปัญหาถูกแฟนทิ้งต้องมาเจอกับสาวคนใหม่วัยเดียวกันในตึก ที่กลายมาเป็นคู่หูช่วยกันยิงมุกคนแก่ที่อาจจะดูตลกฝืด แต่ก็ติดขำเล็กๆ เข้ากับบทสนทนาในเรื่อง ส่วนตัวชาร์ลส์ที่ตกงานไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องก็หวังใช้พอดแคสต์มาหาเงิน โดยหลอกล่ออีกสองคนมาร่วมด้วยช่วยเสียตังโดยไม่รู้ตัว
และตัวเขาเองก็มักจะมีจินตนาการประหลาดถึงแนวทางการสืบสวนแบบจำลองละครเวทีในอดีตที่เขาเคยมีชื่อเสียง ซึ่งทั้งสองคนนี้มีจุดร่วมกันคือการยึดติดกับอดีตอันรุ่งโรจน์ และพยายามทำให้การสืบคดีพร้อมกับทำพอดแคสต์นี้เป็นจุดกลับมาแจ้งเกิดของทั้งคู่ให้ได้
การนำเสนอคาแรคเตอร์ตัวละครที่แตกต่างกันไป
ตัวเรื่องจบในซีซั่นเกี่ยวกับคดีหลักของทิม โคโน แต่ตอนเริ่มเรื่องฉากแรกก็มีการวางซีซั่น 2 ไว้แล้วเมื่อเมเบิลถูกจัดฉากใส่ร้ายฆาตกร ซึ่งจุดนี้เป็นเทคนิคหลอกให้คนดูติดตามเพราะคิดว่าฉากนี้จะเกี่ยวกับคดีหลักที่อาจจะปิดไม่ลง แต่กลายเป็นฉากเปิดเรื่องกลับเป็นฉากปิดท้าย
เพื่อไปต่อซีซั่น 2 ต่อเนื่องทันที และก็วางเส้นเรื่องสืบสวนคดีใหม่ที่ยังอยู่ในตึกเดิมได้น่าตื่นเต้นกว่าซีซั่นแรกซะอีก เพราะคราวนี้กลุ่มตัวเอกหลักโดนตกเป็นผู้ต้องหาซะเอง ตัวซีรีส์จะไม่ได้โฟกัสที่คดีเป็นแกนหลัก แต่ซีรีส์เลือกที่จะเล่าผ่านการนำเสนอคาแรคเตอร์ตัวละคร
โดยจะค่อย ๆ ปูมิติของตัวละครทั้งสาม ที่ต่างมีปม มีอดีต มีคาแรคเตอร์ที่ต่างกันไป ซึ่งซีรีส์ก็ใช้ความโดดเด่นของทั้ง 3 ตัวละครหลักมาใช้ในการดำเนินเรื่องได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อทั้งสามตัวละครมาอยู่ร่วมกัน
เราจะได้เห็นบทสนทนา การแสดงความคิดของคนสองวัย ที่มาถกเถียง มาแลกเปลี่ยน และร่วมงานกันอย่างเป็นทีมเวิร์ค และสามารถสร้างเสียงหัวเราะให้คนดูเป็นระยะ ๆ ส่วนนี้ทำให้ซีรีส์ดูเปี่ยมไปด้วยมิติ เปี่ยมไปด้วยสีสัน ที่หาไม่ได้จากซีรีส์สืบสวนเรื่องอื่น ๆ
รีวิว Only Murders In The Building ในด้านพาร์ทสืบสวน
ในด้านพาร์ทสืบสวน Only Murders in the Building ยังคงทำออกมาได้สนุก ตื่นเต้น ตามมาตรฐานของซีรีส์แนวนี้ ไม่ว่าจะเป็นการที่แต่ละตอน ซีรีส์ได้ทำให้คนในอพาร์ทเมนต์ กลายเป็นผู้ต้องสงสัยที่เราคาดเดาไม่ได้ว่าใครคือคนร้าย ก่อนที่ซีรีส์จะค่อย ๆ หยิบยื่นจิ๊กซอว์ ให้คนดูค่อย ๆ ปะติดปะต่อเหตุการณ์ทั้งหมด มีการสร้างสถานการณ์ชวนตื่นเต้น ให้คนดูได้ลุ้น ได้เอาใจช่วย
พร้อมทั้งการสับขาหลอกหลายตลบที่ทำออกมาได้อย่าเหนือชั้น ด้านการแสดง ต้องขอชื่นชม 3 นักแสดงนำ ที่สามารถช่วยกันแบกซีรีส์เรื่องนี้ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าตัวบทอาจไม่ได้ต้องใช้พลัง ความสามารถมากนัก แต่เมื่อ สตีฟ มาร์ติน, มาร์ติน ชอร์ต และเซเลน่า โกเมซ มาอยู่ร่วมกัน ทั้งสามสามารถสร้างความบันเทิงให้กับคนดูได้อยู่หมัด
นอกจากนี้ทีมนักแสดงสมทบในซีรีส์ต่างก็สามารถร่วมสร้างสีสันได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น สติง และ จิมมี่ ฟัลลอน ที่รับบทเป็นตัวเอง และ เจน ลินซ์ (ซีรีส์ Glee) ที่มาในบทที่เซอร์ไพรส์คนดูไม่น้อยเสน่ห์ของ Only Murders in the Building มาจากนักแสดงนำทั้งสามเป็นอันดับแรก
ต่อมาคือตัวเนื้อเรื่อง วิธีการเล่าเรื่อง โทนและบรรยากาศ ลักษณะของอารมณ์ขัน การคิดสร้างสถานการณ์พิเศษบางอย่างขึ้นมา รวมถึงงานสร้างตั้งแต่การออกแบบฉาก ดนตรีประกอบ และงานสร้างทั้งหมด
บทสรุป Only Murders in the Buildin
โดยสรุป Only Murders in the Building คือ ซีรีส์บันเทิงคดีเบาสมองที่สรรสร้างไปด้วยงานคุณภาพที่มีรสชาติแปลกใหม่ มอบให้ทั้งความตลก เฮฮา และสนุกสนาน แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเป็นปริศนาที่จะนำพาให้ผู้ชมติดตามเรื่องราวไปจนจบ เฉกเช่นเดียวกับการฟังพอดแคสต์
ตลอดทั้งเคมีนักแสดงนำทั้งสามที่เข้าขากันอย่างสุด ๆ จนเกิดเป็นสุดยอดความวายป่วงในการไขคดีฆาตกรรมในอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ หากคุณชอบดูหนังแนวโรแมนติก คอมเมดี้ อย่าลืมไปติดตามรับชม รีวิว Red White & Royal Blue กันนะครับ