รีวิวหนังThor The Dark Worldเทพเจ้าสายฟ้าโลกาทมิฬ HD
มาอีกแล้ง พบกับผมและการรีวิวหนังสุดมัน วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่อง Thor The Dark World เทพเจ้าสายฟ้าโลกาทมิฬ กลับมาต่อกันที่ภาคสองของหนังฮีโร่มาร์เวล Thor กันนะครับ หลังจากที่ภาคแรกสร้างตำนานบทใหม่และความประทับใจไปทั่วโลก และภาคนี้ธอร์จะกลับมาสานต่อความมันส์ในรูปแบบที่ดาร์คกว่าเก่า และในภาคนี้ก็มีเรื่องราวต่อจากภาพยนตร์ The Avengers นั่นเองครับ
ในภาคนี้ เราได้ผู้กำกับคนใหม่มาแทน Kenneth Branagh จากภาคที่แล้ว เขาผู้นั้นก็คือ Alan Taylor เจ้าของผลงานกำกับจากซีรีส์ Game of Thrones ของ HBO นั่นเองครับ ได้ชื่อว่าเป็นถึงคนที่เคยกำกับซีรีส์แฟนตาซีมาแล้ว คงไม่น่าจะเป็นปัญหาเลยสำหรับอลันที่จะมากำกับหนังซูเปอร์ฮีโร่แฟนตาซีเช่นธอร์อย่างนี้ ในภาคนี้ แนวทางในการดำเนินเรื่อง และแนวของมันจึงเปลี่ยนไปครับ ภาคที่แล้วเนื้อเรื่องส่วนมากจะดำเนินอยู่บนโลก เป็นการเปิดตัวธอร์สุดเกรียนและหัวรั้นที่ต้องโดนเนรเทศไปดัดนิสัย
เนื้อเรื่องจึงออกแนวเนิบๆ ออกแนวดราม่าหน่อยๆไม่ค่อยแฟนตาซี แต่ใน The Dark World นี้ จะแฟนๆคอมิค หรือจะคนดูธรรมดาน่าจะถูกใจกันเป็นแน่แท้ เพราะในที่สุดคนดูก็จะได้เห็นธอร์เป็น “ธอร์” แบบที่เราต้องการเสียที ธอร์ที่จะพาทุกๆท่านเข้าสู่จักรวาลมาร์เวลอย่างเต็มภาคภูมิ ธอร์ที่จะพาทุกท่านเข้าสู่โลกสุดแฟนตาซีอย่างที่เรารอคอยซักที ใน Thor: The Dark World นี้
จะพาทุกท่านเข้าสู่ธอร์ที่เน้นความเป็นแฟนตาซีปนไซไฟมากขึ้น ไม่ใช่แค่โลกอีกแล้ว เพราะเราจะได้เห็นภพทั้ง 9 ที่ธอร์เคยเล่นให้เจนฟังตั้งแต่ภาคที่แล้ว เราจะได้เห็นโลกสุดมหัศจรรย์ล้ำ ได้เห็นการต่อสู้ดาวยานอวกาศน่าตื่นตาตื่นใจ มีความเป็นการ์ตูนมากขึ้นจากเดิมสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมปลาบปลื้มปิติมาก มีความรู้สึกว่ามันอลังการสมกับสตอรี่และความที่เนื้อเรื่องมันเกี่ยวกับเทพเจ้านะ เจ๋งกว่าดูธอร์ไร้พลังกลางทะเลทรายในนิวเม็กซิโกเป็นไหนๆ ดูหนังใหม่
รีวิวหนังThor The Dark Worldเทพเจ้าสายฟ้าโลกาทมิฬ HD เรื่องย่อ/เนื้อเรื่อง
หนังเล่าต่อจากภาคแรก เมื่อธอร์ (Chris Hemsworth) ที่ร่วมมือกับทีมอเวนเจอร์ส โดยการปกป้องโลกรวมถึงดินแดนทั้ง 9 จากศัตรูที่ต้องการจะยึดจักรวาล เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเหมือนความสงบสุขจะตามมา ก็ใช่ว่าเรื่องจะจบ จักรวาลยังมีศัตรูที่ร้ายกาจอยู่นั่นคือมาเลคิธ (Christopher Eccleston) เขาต้องการให้จักรวาลต้องพบความสิ้นหวังและเข้าสู่ความมืดอีกครั้ง มีฤทธิ์ร้ายกาจชนิดที่ว่า โอดิน (Anthony Hopkins) ราชาแห่งแอสการ์ดก็ไม่สามารถต่อกรได้ ธอร์เมื่อรู้เรื่องเข้าก็ดับเครื่องชนทันทีโดยได้รับความร่วมมือจากโลกิ (Tom Hiddleston) น้องชายที่เคยเป็นคู่ปรับกันในภาคแรกและทำให้เขาได้มีโกาสพบกับ เจน ฟอสเตอร์ (Natalie Portman) หญิงคนรักอีกครั้ง
เปิดเรื่องมาก็ซัดกันนัวเลยครับ เพราะไม่ต้องมาเสียเวลาเล่าเรื่องภูมิหลังของนักแสดงนำอีก หนังเกริ่นให้เห็นว่า มาเลคิธต้องการใช้พลังที่เรียกว่าอีเธอร์ อำนาจของอีเธอร์จะสามารถทำให้จักรวาลกลับสู่ความมืดมิดได้อีกครั้ง แต่ในครั้งแรกแอสการ์ดสามารถยับยั้งและนำอีเธอร์ขุมพลังเจ้าปัญหาไปซ่อนไว้ เพราะมันทำลายไม่ได้ ดูหนังใหม่
ภาคนี้ต้องการสื่อว่าดาร์คสมชื่อ หนังให้น้ำหนักไปกับการทำสงคราม เลยทำให้หนังมีความเข้มข้นน่าตื่นเต้นกว่าภาคแรก เพราะศัตรูใหม่ที่กำลังคลืบคลานเข้ามา มีพลังอำนาจร้ายกาจ แน่นอนว่าถูกใจแฟนธอร์แน่นอน เพราะธอร์จะไม่ได้เกรียนแตกเหมือนภาคแรกอีกต่อไป เขาคือธอร์ชายที่เติบโตและมีคุณสมบัติที่จะเป็นราชา และภาคนี้หนังจะเน้นไซไฟผสมผสานกับวามแฟนตาซีมากขึ้นกว่าเก่า
ไม่ใช่แค่ความแฟนตาซีไซไฟอย่างเดียวนะครับที่จะมีให้เห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้ หนังยังแทรกมุกตลกโปกฮาตามฉบับมาร์เวลมาด้วย แต่มันอาจจะดูเหมือนตลกร้าย แต่ก็เป็นตลกร้ายที่ทำให้ขำได้ไม่ขาดสายแน่นอน และที่มาสร้างสีสันได้เป็นอย่างดีก็คือทอม ฮิลเดลตัน ที่มาเป็นคู่กัดกับธอร์เหมือนเดิม เหมือนพี่น้องทะเลาะกันทั่วไปเลยครับ จากเดิมที่ผมชอบโลกิอยู่แล้ว ภาคนี้ผมชอบมากกว่าเดิมอีก เพราะหนังกำลังทำให้เรารู้จักโลกิมากยิ่งขึ้น ในภาคแรกที่โลกิพยายามที่จะยึดบัลลังค์และมความแค้นต่อธอร์ มีความเย็นชาเหมือนไร้หัวใจ แต่ที่จริงแล้วโลกิเหมือนมีนิสัยชอบเก็บงำความรู้สึก ไม่แสดงออกให้เห็นถึงความอ่อนแอ ดูหนังฟรี
ความรู้สึกหลังดูหนัง รีวิวหนังThor The Dark Worldเทพเจ้าสายฟ้าโลกาทมิฬHD
ด้วยพล็อตที่อาจเรียกได้ว่า ไม่มีอะไรมากนัก เน้นย้ำไปที่เรื่องราวบนโลกของเทพเป็นหลัก และใช้โลกมนุษย์เป็นเหมือนสถานกักกันให้เทพ “ได้คิด” ความสัมพันธ์ของพระและนางที่ดูไร้น้ำหนักเกินไป ที่จะทำให้เทพสักตนเกิดพัฒนาการทางความคิด แต่นั่นกลับส่งผลต่อเรื่องทั้งหมดหลังจากนั้น
ในส่วนของการดำเนินเรื่อง ทำได้ไม่น่าเบื่อ ติดตามเรื่องได้เรื่อยๆ มีมุขตลกขำๆ แซมบ้าง ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้ดี แต่เรื่องความสนุก กลับไม่มีคำตอบในด้านนี้ให้มากนัก ฉากแอ็คชั่นที่ควรสร้างมาให้คนดูได้ลุ้นก็มีไม่มากนัก เพราะใช้เวลาไปกับการดำเนินเรื่องเสียมากกว่า หรือมาก็เพียงช็อตสั้นๆ แล้วก็ไปต่อ หากในด้านของ CG หรืองานด้านภาพนับว่า ทำได้เนียนสวยไร้ที่ติจริงๆ
แม้เราอาจจะไม่ได้รู้จักผลงานของผู้กำกับฯ Kenneth Branagh คนนี้มากนัก (แต่เขามีชื่อในทั้งด้านงานแสดงและกำกับฯ เลยเชียวนะ) และเราอาจไม่ได้รู้จักพระเอกหุ่นล่ำ Chris Hemsworth คนนี้เท่าไหร่ แต่การแสดงของนางเอกระดับออสการ์อย่าง Natalie Portman ในเรื่องนี้ ก็สะกดใจคนดูไปได้อย่างเพียบ นอกจากความสวย ยิ้มหวานๆ แล้ว ช็อตเปิ่นๆ เขินๆ อายๆ เธอก็ทำได้อย่างดี และเป็นสีสันหนึ่งของหนังเรื่องนี้ไปอย่างปฏิเสธไม่ลง
แต่ช็อตที่น่าประทับใจที่สุด กลับเป็นช่วงเครดิตปิดท้าย ภาพของเอกภพในรูปแบบ 3 มิตินั้นสวยสดงดงามยิ่ง ขณะที่ฉาก 3 มิติในตัวหนังกลับไม่มากนักที่น่าสนใจ ยิ่งช่วงไหนเป็นแค่ช็อตเล่าเรื่องธรรมดาๆ ซึ่งก็กินไปเกือบครึ่งเรื่อง ความจำเป็นของ 3 มิติยิ่งแทบไม่เห็น หากคุณเลือกดูหนังเรื่องนี้ รอบและโรง 3 มิติหาใช่สิ่งจำเป็นไม่ต่ออรรถรสการรับชม ดูหนังฟรี
แต่ถึงแม้จะแฟนตาซีมากขึ้น ธอร์ภาคนี้ก็ยังคงความเป็นหนังจาก Marvel Studio ได้อย่างดีเยี่ยมเลยนะครับ หมายถึงอะไร? มุกตลกร้ายและความตลกขบขันอันเป็นดั่งเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้ในหนังซูเปอร์ฮีโร่ทุกเรื่องครับ ยิงกันมันส์ไม่ขาดสาย เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้ตลอดเวลา แต่จะมีอยู่ช่วงที่ปล่อยรัวไปนิดนึง ไม่มีจังหวะจะโคนซักเท่าไหร่ครับ
และสิ่งที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ คงเป็นท่านทอมฮิ หรือทอม ฮิดเดิลสตั้น ผู้รับบทโลกิขวัญใจสาวๆทั่วหล้าฟ้าดินครับ ยังคงความยียวนกวนประสาทอันเป็นซิกเนเจอร์ของโลกิได้ดังเดิม โดยส่วนตัวผมว่าผมชอบโลกิคราวนี้มากกว่าครั้งก่อนๆนะ เพราะเหมือนเราจะได้เห็นโลกิในอีกแง่มุมนึงนอกจากความแค้นพยาบาทที่เขามีต่อธอร์นะ ได้เห็นเข้ามีความคิด ความรู้สึกเหมือนคนปกติทั่วไป และขอบอกให้ ภาคนี้ หมอนี่ฮานะครัช
นี่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่จากภาพยนตร์เรื่อง “Thor” ดั้งเดิมหรือไม่ ไม่น่าเสียดายที่ไม่ได้ เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่สนุกและน่าติดตามอีกเรื่องหนึ่งหรือไม่ ใช่อย่างแน่นอน. เป็นหนังที่ดีจริงๆ และถ้าเราดูวิธีที่อลัน เทย์เลอร์กำกับหนังเรื่องนี้ จริงๆ แล้ว ก็ไม่ต่างจากที่บรานาห์ทำในปี 2011 มากนัก คริส เฮมส์เวิร์ธก็ดีเหมือนเคย และทอม ฮิดเดิลสตันก็ยอดเยี่ยมกว่าที่เคยเป็นเหมือนโลกิ แต่ ตัวร้าย Malekith ที่เล่นโดย Christopher Eccleston น่าเสียดายที่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นเพราะขาดแรงจูงใจ
โอดิน (แอนโธนี่ ฮ็อปกิ้นส์) หวนคิดถึงเมื่อบอร์พ่อของเขาและนักรบจากแอสการ์ดปราบดาร์คเอลฟ์ผู้ชั่วร้ายและผู้นำมาเลคิธ (คริสโตเฟอร์ เอคเคิลสตัน) ผู้นำของพวกเขาที่ต้องการส่งจักรวาลไปสู่ความมืดในระหว่างการบรรจบกันของอาณาจักรทั้งเก้าเพื่อปลดปล่อยอาวุธทรงพลังอีเธอร์ Mallekith หลบหนีและ Bor ซ่อนอีเธอร์ไว้ระหว่างเสาหินสองเสา
ในโลกปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์เจน ฟอสเตอร์ (นาตาลี พอร์ตแมน) ที่กำลังรอการกลับมาของธอร์ สืบสวนปรากฏการณ์แรงโน้มถ่วงในโรงงานร้างกับผู้ช่วยและเด็กฝึกงานของเธอ เธอพบเสาที่มีอีเธอร์ซ่อนอยู่และสารนั้นเข้าสิงเธอ ในแอสการ์ด ไฮม์ดอลล์ (ไอดริส เอลบา) รายงานต่อธอร์ (คริส เฮมส์เวิร์ธ) ดูรีวิวหนังสุดมันได้ที่นี่
คะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 หนังเข้มข้นขึ้นเพราะศัตรูตัวฉกาจที่ยากจะรับมือ และเราจะได้เห็นพี่น้องที่เคยตีกันกลับมาร่วมแรงร่วมใจอีกครั้ง ทำให้เสน่ห์ของหนังมีเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ภาคนี้เราอาจจะไม่เห็นฉากโรแมนติคเท่าที่ต้องการ แถมหนังต้องการให้ครบทุกรสชาติเพื่อให้เกิดความดราม่ามากยิ่งกว่าเก่าโดยการที่มีตัวละครสำคัญตาย
คะแนนเอฟเฟคต์ 10/10 ภาคนี้หนังได้คะแนนเอฟเฟคต์เต็มไปเลยครับ หนังเน้นที่ความดาร์คของดวงดาว อารมณ์ดาร์คบลูนะครับ ไม่ได้ไซไฟแฟนตาซีโดดเด่น แต่ว่าภาพสวยถูกใจแน่นอน ฉากการต่อสู้ในต่างดาวคือจิตนาการใหม่ ๆ ที่ทีมงานต้องการสื่อนั่นเอง และสิ่งที่เป็นเสน่ห์ของเอฟเฟคต์ในภาคนี้คือซากปรักหักพังของยานอวกาศที่อยู่บนดาวที่ธอร์จะสู้กับศัตรู