รีวิวหนังThor ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า

 

 

มาเลยคับมาดู รีวิวหนังสุดมันกับผม วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่อง Thor ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า นับเป็นเรื่องที่ 4 ในจักรวาล MCU แต่ถ้าเทียบตรง TimeLine ก็คือหนังเรื่องสุดท้ายก่อนหน้า THE AVENGERS และ MARVEL ก็ยังทำร้ายคนดูเหมือนเดิม คือทำหนังได้ดีจนเกินไป และทำได้ทุกอย่างตามความคาดหวังของคนดู เพราะ ธอร์ (จริงๆ ต้องอ่านว่า ตอร์)

เติมเต็มส่วนนึงของความเป็นหนังฮีโร่เรื่องนึง ที่เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่อย่างแท้จริง THOR เป็นหนังที่จำกัดความได้ว่าเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุด เทียบเท่า IRON MAN และ THE INCREDIBLE HULK (หลายคนบอกว่า THE DARK KNIGHT ดีที่สุด แต่สำหรับความคิดผมนั้นไม่ใช้ เพราะว่า THE DARK KNIGHT ดูเป็นหนังจารชนสายลับหักเหลี่ยมและจริงจังเกินไปมากกว่าการเป็นหนังฮีโร่ทั่วไป

Thor (Chris Hemsworth) บุรุษหล่อร่างกายกำยำ ชนิดที่ผู้หญิงทุกคนที่ได้ดูต้องเข็ดฟันกันไปตามๆ กัน เขาเป็นทายาทของเทพเจ้า Odin (Anthony Hopkins) บิดาผู้ปกครองแอสการ์ด และบิดาของธอร์นี่ล่ะ ที่หวังรวมอาณาจักรทั้งเก้าให้เป็นหนึ่ง บุกไปยังดินแดนน้ำแข็งนามโยธันไฮม์ ขนาดยึดอาวุธของพวกมันมาเก็บไว้ได้

ทั้งธอร์และโลกิ ต่างก็บุตรชายผู้ถูกคาดหวังให้สืบทอดตำแหน่งกษัตริย์ต่อจากผู้พ่อ แต่ผู้รับสืบทอดมีได้เพียงคนเดียว ดูท่าทางธอร์จะได้รับความไว้วางใจให้สืบทอดมากกว่า แต่ความหุนหันพลันแล่น กระทำการใดๆ โดยไร้ความยั้งคิด นั่นทำให้บิดาของเขาหวั่นใจจะส่งต่อบัลลังก์ให้ ขณะที่โลกิก็ดูจะหวังในบัลลังก์นี้เช่นกัน ต่อหน้านั้นดูจริงใจต่อธอร์ แต่สหายทั้งหลายก็ไม่มีใครไว้ใจทายาทผู้เจ้าเล่ห์คนนี้เลย ดูหนังใหม่

 

รีวิวหนังThor ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า

 

รีวิวหนังThor ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า เรื่องย่อ/เนื้อเรื่อง

 

THOR เป็นเรื่องของเทพเจ้าสายฟ้าที่มีนามว่า ธอร์ เทพเจ้าที่ทรงพลังที่มีอาวุธเป็นค้อนที่ทรงพลานุภาพมากที่สุดในจักรวาล โยเนียร์ ค้อนที่สามารถสร้างพลังอันยิ่งใหญ่ให้แก่ผู้ใช้ วันนึงขณะที่ธอร์กำลังจะก้าวขึ้นรับการแต่งตั้งเป็นพระราชา แทนที่พ่อของเขา โอดิน มหานครแห่งรัตติกาล แอสการ์ดได้ถูกลอบโจมตีพวกยักษ์น้ำแข็งแห่ง โยธันไฮม์

โดยการยุยงส่งเสริมของ โลกิ น้องชายของธอร์ แต่ถูกโอดิน สกัดไว้ได้โดย หุ่นยักษ์เดสโตรเยอร์ ทำให้ธอร์ โกรธมากทำให้ยกพลไปโจมตีและทำลาย โยธันไฮม์ ทำให้โอดินโกรธมากและขับไล่ธอร์ไปยัง โลกมนุษย์ สกัดอำนาจพลังและสาปค้อนโยเนียร์ไว้ ว่า “ผู้มีพลังแห่งธอร์เท่านั้นที่จะสามารถใช้ค้อนนี้ได้”

พอธอร์มาถึงโลกเท่านั้นแหละครับ ความสนุกอันแท้จริงของหนังได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ธอร์ได้ถูกช่วยเหลือโดยนักวิทยาศาสตร์สาวสวยที่ชื่อว่า “เจน ฟอร์สเตอร์” และทีมงานของเธอ “ศจ. เอลริค เซลวิค” และ “ดาร์ซี่ ลูอีส” และเหมือนฟ้ากันแกล้งเมื่อค้อนโยเนียร์ได้ถูกหน่วย S.H.I.E.L.D ค้นพบและสืบหาข้อมูลของค้อนนี้ ธอร์ฟื้นขึ้นมาและด้วยความยิ่งพยองในความเป็นเทพและเจ้าชายของตน ทำให้โดนฤทธิ์ ของดาร์ซี่เข้าไป ทำให้ต้องไปนอนที่โรงพยาบาล

แต่เมื่อธอร์ฟื้นขึ้นมาด้วยความยิ่งพยองของตนอีกนั้นแหละทำให้ธอร์ต้องออกตามหา โยเนียร์ และทำให้ ธอร์ต้องบุกไปยังที่ๆ ค้อนตกลงมา แต่ก็ไม่สามารถยกค้อนขึ้นมาได้ (ณ จุดนี้เราๆ ท่านๆ จะได้พบกับอีก 1 ฮีโร่ นั้นคือ ฮีโร่ตาเหยี่ยว HAWKEYE หรือ คลินท์ บาร์ตัน), ณ แอสการ์ด โอดินได้เกิดป่วยขึ้นมา ด้วยการไซโค ของ โลกิ นั้นแหละ ทำให้ โอดินต้องหลับไหล และ โลกิได้ก้าวขึ้นเป็น ราชาแทนธอร์ ดูหนังฟรี

และโลกิได้ลงมายังโลกและมาไซโค ธอร์ ว่าโอดินตายแล้วและโยนความผิดว่าเป็นความผิดของธอร์ที่ทำโอดินตายทำให้ธอร์หมดอาลัยความชีวิต, และเมื่อหน่วยองค์รักษ์และเพื่อนซี้ของธอร์ ทั้ง “โวลสแตค”, “โฮแกน”, “เฟดราล” และ “ซีฟ” รู้ว่า โลกิได้ก้าวเป็นพระราชาแทนทำให้ทั้งหมดต้องลงมาบอกกับธอร์ และลงมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ นายทวาร “ไฮม์ดาล”, เมื่อโลกิได้รู้ว่าทั้ง 4 ได้ลงมายังโลกแล้ว ทำให้โลกิได้ส่ง หุ่นพิฆาต เดสโตรเยอร์

ลงมากะจะฆ่าธอร์และ ก็ฆ่าได้จริงๆ แต่การที่โลกิมาไซโคธอร์ไว้ ก็ทำให้ ธอร์ตระหนักถึงพลังแห่งเทพและความดีในตัว ทำให้ธอร์ได้รับพลังของค้อนโยเนียร์ และกลายเป็น เทพเจ้าสายฟ้าอีกครั้งและจัดการหุ่นเดสโตนเยอร์ไปได้, และธอร์ต้องกลับไปยังแอสการ์ดเพื่อสั่งสอนโลกิน้องชายของตน และก่อนไปทำให้เกิดความรักกับ เจน

เมื่อธอร์กลับมาถึง แอสการ์ดเท่านั้นละ บทโศกเนื้อเรื่องดราม่าของพี่น้องๆ ก็เกิดขึ้นแบบลิเกฝรั่ง (จริงๆมันจะมีเรื่องราวของโลกิกับไฮม์ดาลและเรื่องโลกิกับพ่อแท้ด้วยแต่มันไม่จำเป็นเท่าไรที่จะมาบอกเล่า), และธอร์สามารถจัดการโลกิได้ด้วยการทำลายสะพานสายรุ้งทำให้แอสการ์ดตัดขาดกับโลกโดยสมบูรณ์ ทำให้โอดินฟื้นขึ้นมา เพื่อมาช่วยลูกทั้งสอง แต่โอดินไม่สามารถช่วย โลกิไว้ได้ และทำให้โลกิต้องหายสาบสูญไปจากแอสการ์ด ดูหนังใหม่

รีวิวหนังThor ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า

ความรู้สึกหลังดูหนัง Thor ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า

 

ด้วยพล็อตที่อาจเรียกได้ว่า ไม่มีอะไรมากนัก เน้นย้ำไปที่เรื่องราวบนโลกของเทพเป็นหลัก และใช้โลกมนุษย์เป็นเหมือนสถานกักกันให้เทพ “ได้คิด” ความสัมพันธ์ของพระและนางที่ดูไร้น้ำหนักเกินไป ที่จะทำให้เทพสักตนเกิดพัฒนาการทางความคิด แต่นั่นกลับส่งผลต่อเรื่องทั้งหมดหลังจากนั้น

ในส่วนของการดำเนินเรื่อง ทำได้ไม่น่าเบื่อ ติดตามเรื่องได้เรื่อยๆ มีมุขตลกขำๆ แซมบ้าง ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้ดี แต่เรื่องความสนุก กลับไม่มีคำตอบในด้านนี้ให้มากนัก ฉากแอ็คชั่นที่ควรสร้างมาให้คนดูได้ลุ้นก็มีไม่มากนัก เพราะใช้เวลาไปกับการดำเนินเรื่องเสียมากกว่า หรือมาก็เพียงช็อตสั้นๆ แล้วก็ไปต่อ หากในด้านของ CG หรืองานด้านภาพนับว่า ทำได้เนียนสวยไร้ที่ติจริงๆ

แม้เราอาจจะไม่ได้รู้จักผลงานของผู้กำกับฯ Kenneth Branagh คนนี้มากนัก (แต่เขามีชื่อในทั้งด้านงานแสดงและกำกับฯ เลยเชียวนะ) และเราอาจไม่ได้รู้จักพระเอกหุ่นล่ำ Chris Hemsworth คนนี้เท่าไหร่ แต่การแสดงของนางเอกระดับออสการ์อย่าง Natalie Portman ในเรื่องนี้ ก็สะกดใจคนดูไปได้อย่างเพียบ นอกจากความสวย ยิ้มหวานๆ แล้ว ช็อตเปิ่นๆ เขินๆ อายๆ เธอก็ทำได้อย่างดี และเป็นสีสันหนึ่งของหนังเรื่องนี้ไปอย่างปฏิเสธไม่ลง ดูหนังฟรี

 

รีวิวหนังThor ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า

 

แต่ช็อตที่น่าประทับใจที่สุด กลับเป็นช่วงเครดิตปิดท้าย ภาพของเอกภพในรูปแบบ 3 มิตินั้นสวยสดงดงามยิ่ง ขณะที่ฉาก 3 มิติในตัวหนังกลับไม่มากนักที่น่าสนใจ ยิ่งช่วงไหนเป็นแค่ช็อตเล่าเรื่องธรรมดาๆ ซึ่งก็กินไปเกือบครึ่งเรื่อง ความจำเป็นของ 3 มิติยิ่งแทบไม่เห็น หากคุณเลือกดูหนังเรื่องนี้ รอบและโรง 3 มิติหาใช่สิ่งจำเป็นไม่ต่ออรรถรสการรับชม

ความสุดยอดที่ต้องยอมรับก็คือ การเขียนบทหนังที่ทำได้อย่างไหลลื่น และ สนุกอยู่ตลอดเวลา พอจะต้องเล่นกับอารมณ์ก็สามารถดึงอารมณ์ร่วมกับคนดูได้อย่างสุดๆ สนุกตื้นเต้นอยู่ตลอดเวลา และด้วยการทำหนังสไตล์ MARVEL แท้ๆ (หลังจากถูกค่ายอื่นเอาฮีโร่ของตัวเองไปทำมิดีมิร้ายมาหลายรอบโดย เฉพาะ SPIDER-MAN, DAREDEVIL, GHOST RIDER) ดูรีวิวหนังสุดมันได้ที่นี่

 

 

ที่จะมีการล้อเลียนต้นฉบับที่เป็นหนังสือของหนังเรื่องนั้นและ THOR ก็ไม่เป็นข้อยกเว้น และที่จะเป็นจุดที่ทำให้ฮาแตกอย่างนึงก็คือ การที่เจน ฟอร์สเตอร์ ส่งเสื้อของ ดร. โดนัลด์ เบลค แฟนเก่าของเธอให้ ธอร์ใส่ (ตามหนังสือการ์ตูนในจักรวาลหลักธอร์ถูกส่งมาโดยเป็นมนุษย์ธรรมดาโดยชื่อว่า โดนัลด์ เบลค) เป็นการล้อเลียนต้นฉบับของตัวเองได้อย่างสนุกมากของ MARVEL