รีวิวหนังThe Dark Knight แบทแมน อัศวินรัตติกาล
มาพบกับผมและการรีวิวหนังสุดมัน วันนี้ผมจะมารีวิวหนังสุดมันเรื่อง The Dark Knight แบทแมน อัศวินรัตติกาล นั่งชมกันต่อเนื่องไปเลย หลังจากย้อนหลังกลับไปชม Batman Begins ภาคปฐมบทของแบทแมนฉบับ Christopher Nolan มาแล้ว คราวนี้ก็คงได้เวลาตามต่อกับภาคสอง The Dark Knight / อัศวินรัตติกาล กันบ้าง
นี่คือภาคต่อของภาคแรก 2008 สามปีถัดมา Christopher Nolan ก็ส่งภาคต่อออกมาให้แฟนๆ ที่รอคอยได้ติดตามชมกัน หลังจากทิ้งท้ายไว้ด้วยไพ่ใบหนึ่งที่เป็นที่มาของชื่อ “โจ๊กเกอร์” ภาคนี้ วายร้ายนามนี้ก็ได้เวลาออกโรง
ถึงแม้ว่าในโลกของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ก็จะมีแค่ตัวละครเด่นๆ หลักๆ อยู่เพียงแต่ไม่กี่ตัวที่ครองใจและเป็นที่จดจำของผู้ชมอย่างยาวนานมาหลายทศวรรษ และก็เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า ‘อัศวินรัตติกาล’ ได้กลับมาโลดแล่นบนจอใหญ่อีกครั้ง กับ “The Batman” แต่การกลับมาในครั้งนี้ถือว่าแตกต่างไปจากที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างมาก มาพร้อมกับความขึงขังและบรรยากาศที่จริงจัง ยกระดับกลายเป็นหนังฮีโร่สืบสวนสอบสวนที่ซ่อนความคมคายเอาไว้ในหลายประองค์กอบเข้าใกล้ความยอดเยี่ยม ดูหนังใหม่
ส่วนนักแสดงที่มารับบทเป็น บรูซ เวย์น นั้นในหนังเรื่องนี้ได้แก่ โรเบิร์ต แพททินสัน อันนี้ขอบอกเลยว่าตั้งแต่รู้ว่าหนังเลือก แพททินสัน มารับบทนำก็เรียกเสียงวิจารณ์ได้ทั้งไทยและเทศเป็นอย่างมาก เพราะ เราอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาเขาในบทบาทของหนุ่มแวมไพร์ ยังไงล่ะ และการที่เขานั้นได้มาเป็นแบทแมนนั้นจะออกมาเป็นเช่นไรวันนี้มีคำตอบครับ
นอกจากนั้นหนังยังมี โซอี้ คราวิทซ์ ผู้รับบท เซลิน่า ไคล์ หรือ แคทวูแมน, พอล ดาโน่ ผู้รับบท เอ็ดเวิร์ด แนชตัน,เจฟฟรีย์ ไรท์ ผู้รับบท เจมส์ กอร์ดอน,จอห์น เทอร์ทูโร ผู้รับบท คาร์ไมน์ ฟอลโคน,ปีเตอร์ ซาร์สการ์ด ผู้รับบท กิล โคลสัน,แบร์รี่ โคแฮน ผู้รับบท สแตนลีย์ เมอร์เคล,เจย์มี ลอว์สัน ผู้รับบท เบลลา รีอัล,แอนดี้ เซอร์คิส ผู้รับบท อัลเฟรด และ โคลิน ฟาร์เรลล์ ผู้รับบท ออสวัลด์ คอบเบิลพอท หรือ เพนกวิน ดูหนังฟรี
รีวิวหนังThe Dark Knight แบทแมน อัศวินรัตติกาล เนื้อเรื่อง/เรื้องย่อ
เริ่มต้นที่เหตุปล้นเงินในธนาคารอย่างอุกอาจ เปิดเผยโฉมหน้าของ “โจ๊กเกอร์ / Joker” ว่าประหลาดล้ำเพียงใด กับหน้าจริงที่ทาสีเพิ่ม พร้อมกับรอยแผลเป็นที่มุมปาก ใช่แล้ว เขาคือ Heath Ledger ผู้จากไปนั่นเอง
ขณะที่ Batman กลับมาภาคนี้ Christian Bale ดูมีริ้วรอยบนใบหน้าเพิ่มเติมขึ้นนิดหน่อย และยังมีอัลเฟรดเป็นคนสนิทคนเดิมคอยดูแล ขณะที่อัยการเขตคนใหม่อย่าง ฮาร์วีย์ เดนท์ (Aaron Eckhart) กำลังได้ เรเชล ดอว์ส (ที่คราวนี้เปลี่ยนตัวเป็น Maggie Gyllenhaal) ไปเป็นแฟน
ส่วน จิม กอร์ดอน (Gary Oldman) เขากลายเป็นหัวหน้ากองปราบฯ ผู้รับรู้เรื่องการปล้นเงินของแก๊งมาเฟีย หลังทีมของพวกเขา (ที่ก็เลือกมาจากพวกโกงกินทั้งนั้น) และแบทแมนไปเล่นจุดตายคือเรื่องเงินของพวกมันเข้า จึงทำให้พวกมันคิดขโมยเงินในธนาคารออกมา เพื่อยักย้ายไปเก็บที่อื่นนั่นเอง
ภารกิจครั้งนี้ ขยายวงไปไกลถึงฮ่องกง หนังที่ยาวกว่าสองชั่วโมงครึ่ง พาเราไปพบกับเรื่องราววกวนซับซ้อนซ่อนเงื่อน ที่น่าฉงนแต่ดูแล้วสนุก
โจ๊กเกอร์ ดูเป็นวายร้ายที่ไม่ค่อยเข้าพวกกะใคร มีวิธีคิดเป็นของตัวเองและเดาทางได้ยาก แต่นั่นล่ะ ทำให้ The Dark Knight ถูกเล่าในทิศทางที่คนดูเดาไม่ออก อีกทั้งการมีตัวละครอยู่มากมาย ทั้งร้ายทั้งดี ทำให้การเขียนบทยืดหยุ่นได้สูง แต่ก็ต้องได้มือเขียนที่เจ๋งด้วยเช่นกัน ที่จะเอาอยู่ทั้งหนังและคนดูแบบนี้ ดูหนังใหม่
ความรู้สึกหลังดูหนังThe Dark Knightแบทแมน อัศวินรัตติกาล
นี่จึงกลายเป็นหนังแบทแมนที่มีโทนอาชญากรรมและสืบสวนสอบสวนที่หนักแน่นมากที่สุด นับตั้งแต่เคยสร้างออกมาเลยก็ว่าได้ ความหม่นใกล้เคียงกับฉบับ The Dark Knight ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน หรือเผลอๆ เวอร์ชั่นนี้จะหม่นหมองกว่าเสียด้วยซ้ำ เส้นเรื่องของหนังค่อนข้างแข็งแรง ปมประเด็นต่างๆ ทั้งปมอาชญากรรม, คอร์รัปชั่น และเสียดวงการผู้มีอิทธิพลต่างๆ ทำออกมาได้ในโทนที่จับใจดี งานปั้นเรื่องของ “แมตต์ รีฟส์” ที่ลงมาดูแลควบคู่กับไป “ปีเตอร์ เคร็ก” (จาก Bad Boys for Life) กลายเป็นดรีมทีมที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
มาถึงองค์ประกอบงานสร้างของ The Batman ก็ยังคงใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบอีกจุดเช่นกัน แม้ว่าโทนของหนังจะเน้นไปเป็นหนังอาชญากรรมสืบสวนบนพื้นฐานของหนังฮีโร่ก็ตาม แต่ก็ได้งานที่ยิ่งใหญ่และจัดเต็มในทุกๆ ฉาก จึงทำให้ผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างตราตรึงใจผู้ชมได้เป็นอย่างดี และก็ตามสไตล์หนังดีซีที่มักจะทำหนังออกมาหม่นๆ มืดๆ เป็นธรรมดา การเลือกใช้โทนพื้นฐานนี้กับหนังเรื่องนี้ถือว่าเหมาะสมกันเป็นอย่างดี อาจจะมืดไปบ้างในบางจุด แต่ก็พอปล่อยๆ ผ่านไปได้
งานถ่ายภาพในหนังเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่น่าหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นการภาพถ่ายเล่นกับแสงและสีที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดีและเหมาะสมกับบรรยากาศของเรื่อง ยังมีหลายๆ มุมภาพที่ถ่ายทอดและสื่อสารอารมณ์ของหนังได้ดีอย่างน่าประหลาดใจด้วย แต่เพราะด้วยความที่หนังมีเรท PG-13 ค้ำคอเอาไว้อยู่ ฉากความรุนแรงและนองเลือดต่างๆ จึงต้องลดดีกรีลงไป และใช้มุมภาพแทน ที่ต้องยอมรับว่า…แอบเคืองอยู่นิดหน่อย ดูหนังฟรี
และอีกไฮไลต์ที่ไม่พูดไม่ได้เลยก็คือ ดนตรีประกอบของหนังเรื่องนี้ ที่ประพันธ์โดย “ไมเคิล จิอัคชิโน” (จากหนัง Spider-Man ไตรภาคล่าสุด) ต้องยกนิ้วให้อีกเช่นกัน เพราะซาวน์ประกอบมีส่วนที่ช่วยบิ้วท์อารมณ์คนดูได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้ง 3 ชั่วโมงบนหน้าจอ แม้ว่าจะเป็นการหยิบเอาซาวน์เพลงคลาสสิกมามิกซ์และประพันธ์ออกมาใหม่โดยเฉพาะ แต่หลายๆ เพลงก็สัมผัสได้ถึงความทรงพลังและเร้าใจที่ส่งแรงกระตุ้นไปอารมณ์ของตัวครและเด้งสะท้อนกลับมายังคนดูได้อย่างน่าทึ่ง
ปิดท้ายด้วยทีมนักแสดงของ The Batman ที่อยากจะลุกขึ้นปรบมือให้อย่างกึกก้อง เพราะแคสติ้งชุดนี้ถือว่าทำผลลัพธ์ออกมาได้ค่อนข้างยอดเยี่ยมและลงตัวเป็นอย่างดี ทุกๆ ตัวละครสามารถถ่ายทอดและขับคาแรกเตอร์นั้นๆ ออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ แม้ว่าตัวละครในหนังจะเยอะแยะเต็มไปหมด แต่หนังกลับสามารถเกลี่ยน้ำหนักและสร้างมิติให้กับทุกตัวละครได้อย่างน่าสนใจ ทุกคาแรกเตอร์มีความสำคัญ และนำมาใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเลยทีเดียว
“โรเบิร์ต แพททินสัน” ที่แทบจะไม่ต้องเสริมอะไรเลย นอกจากกล้ามเนื้อแน่นๆ ในเหมาะกับการเป็นแบทแมน เพราะเขาผู้นี้คือนักแสดงเจ้าบทบาทที่เล่นได้ทุกแนว และบทดราม่าแนวนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีอยู่แล้ว เมื่อนำมาจับใส่ความเป็นแบทแมนในรูปแบบเฉพาะของเขาเอง ผลลัพธ์จึงออกมาดี ไม่ว่าจะสีหน้าแววตาและอินเนอร์ที่เขาส่งออกมาถึงคนดู ขณะที่ “โซอี้ คราวิตซ์” ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าค้นหาในบทแคทวูแมน เธอเข้ามาช่วยเพิ่มมิติให้กับตัวละครนี้ และเสริมด้วยความซับซ้อนทางอารมณ์ยิ่งขึ้นไปอีกระดับ คนดูแทบจะไม่ละสายตาไปจากเธอในทุกๆ ซีนที่ปรากฏเลยจริงๆ ดูรีวิวหนังสุดมันได้ที่นี่
ชื่อภาพยนตร์ : The Dark Knight / อัศวินรัตติกาล
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Christopher Nolan
ผู้เขียนบทภาพยนตร์ : Jonathan Nolan (screenplay), Christopher Nolan (screenplay), Christopher Nolan (story), David S. Goyer (story), Bob Kane (characters)
นักแสดงนำ : Christian Bale, Heath Ledger, Aaron Eckhart, Michael Caine, Maggie Gyllenhaal, Gary Oldman, Morgan Freeman
แนว/ประเภท : Action, Crime, Drama, Thriller
เรท : USA/PG-13
ความยาว : 152 นาที
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย : Warner Bros. Pictures, Legendary Pictures, Syncopy
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย : 17 July 2008
ปี : 2008