รีวิวหนัง Morbius ฮีโร่สายโหด หนังน่าดู

รีวิวหนัง Morbius ในวันนี้ต้องบอกว่ารอบปีที่ผ่านมาเป็นปีที่สุดจริงๆ ทั้งของ Sony และ Columbia Pictures ก็ได้เลย เพราะที่ผ่านมาในรอบไม่ถึงครึ่งปี กลับมีหนังจากจักรวาล Spider-Man ให้ได้ดูถึง 3 เรื่องแน่ะ ทั้งภาคต่อปีศาจวีนอมใน Venom Let There Be Carnage 2021 หนังปิดไตรภาคสไปเดอร์-แมนใน Spider-Man No Way Home 2021 ที่สร้างความกรี๊ดกร๊าดประทับใจคนดู

จนกลายเป็นภาพยนตร์ที่กวาดรายได้สูงสุดในช่วงโควิด-19 ไปแล้ว ณ ตอนนี้ รวมทั้ง Morbius มอร์เบียส เรื่องนี้นี่แหละครับ ที่เลื่อนตารางฉายหนีพี่โควิด-19 มานานเกือบจะหนึ่งปี ในที่สุด โซนี่ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวฮีโรวายร้ายตัวใหม่ เจ้าของฉายา แวมไพร์ที่มีชีวิต The Living Vampire ซึ่งจริง ๆ แล้ว

มอร์เบียส 2022 เองเคยเกือบจะได้เป็นวายร้ายในภาพยนตร์ฮีโรครึ่งมนุษย์ครึ่งแวมไพร์ Blade 2 2002 เวอร์ชันเฮีย เวสลีย์ สไนปส์ Wesley Snipes แล้วด้วยนะครับ แต่ว่าพอมีการเปลี่ยนตัวผู้กำกับกะทันหัน แวมไพร์ตนนี้ก็เลยถูกดองยาว ไม่ได้แจ้งเกิดบนแผ่นฟิล์มเสียที ใครที่ยังไม่ได้ดูไปติดตามกันได้เลยที่ ดูหนังออนไลน์

รีวิวหนัง Morbius ฮีโร่สายโหด หนังน่าดู พากย์ไทย

รีวิวหนัง Morbius กำเนิดฮีโร่สายพันธุ์อมตะ

จนมาถึงปีนี้แหละ ที่โซนี่เลือกหยิบฮีโรวายร้ายตัวนี้มาสร้างเพื่อสานต่อแนวทางแอนตีฮีโร และผู้เขียนก็เดาเองว่า น่าจะเป็นการปลุกปั้นทีม Sinister Six 6 วายร้ายจักรวาลสไปเดอร์-แมน ในอนาคตแหง ๆ และได้ผู้กำกับที่เป็นแฟนการ์ตูน Marvel อย่าง แดเนียล เอสปิโนซา Daniel Espinosa ที่เคยกำกับภาพยนตร์ Life 2017 และ Safe House 2012 มาร่วมกำกับภาพยนตร์ฮีโรแวมไพร์ตัวแรก Morbius HD ของจักรวาลสไปเดอร์-แมนด้วย

รีวิวหนัง Morbius ฮีโร่สายโหด หนังน่าดู ซับไทย

เนื้อเรื่อง รีวิวหนังน่าสนใจ ว่าด้วยเรื่องของ ดร.ไมเคิล มอร์เบียส Jared Leto นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการป่วยด้วยโรคเลือดมาตั้งแต่ยังเด็ก เขามีเป้าหมายที่จะค้นคว้าหาวิธีในการสร้างยาที่จะรักษาตัวเอง และเพื่อนร่วมโรคอย่าง ไมโล / ลูเซียส คราวน์ Matt Smith ให้หายจากโรคหายากนี้เสียที

โดยมีนักวิทยาศาสตร์สาวคู่รักอย่าง ดร. มาร์ทีน แบนครอฟตฺ์ Adria Arjona เป็นผู้ช่วยเหลือ แต่ในระหว่างที่เขากำลังทำการรักษาโดยใช้ค้างคาว เขากลับพบว่าตัวเองกลายเป็นปีศาจแวมไพร์กระหายเลือด เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อควบคุมความบ้าคลั่งของตนเองให้จงได้

เปิดตัวด้วยหลากหลายเสียงวิจารณ์

คือเอาจริง ๆ ก็ต้องยอมรับว่า เสียงวิจารณ์ในแง่ลบจากต่างประเทศต่อหนังเรื่อง Morbius เต็มเรื่อง นี้มันช่างหนาหูเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะ 2 จุดที่นักรีวิวต่างประเทศส่วนใหญ่ที่รุมโจมตีหนังเรื่องนี้กันแบบสามัคคีก็คือ บทที่มีปัญหา กับซีจีงานหยาบ

ผู้เขียนเองแม้จะพยายามปิดหูปิดตา และพยายามคิดว่า มันก็คงอีหรอบเดียวกับ Venom นั่นแหละ คือดูเอาแอ็กชันและตลกแบบกาว ๆ พอได้ จะหวังให้ Hype ประทับใจเหมือนสไปเดอร์-แมนที่ฉายปลายปีที่แล้วคงจะยากเกินฝันไปหน่อย

อย่างแรกก่อนครับ เรื่องซีจี เอาจริงแล้วซีจีหนังเรื่องนี้ ผู้เขียนเองก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันงานหยาบอะไรถึงขนาดนั้นนะครับ เอาจริง ๆ ในแง่โปรดักชันโดยรวม ๆ ทั้งการถ่ายภาพ มุมกล้อง แม้ผู้เขียนเองจะแอบรำคาญออราม่วง ๆ ตอนที่มอร์เบียสกำลังแปลงกาย อยู่บ้างก็ตาม คือมันดูลายตาน่ะครับ ยิ่งออราออกมาเยอะยิ่งลายตาหนักเลย แต่ซีจี โปรดักชัน และฉากแอ็กชันโดยรวมก็ถือว่า รีวิวหนังน่าดู เรื่องนี้เป็นไปตามมาตรฐานหนังฮีโรยุคนี้ ไม่ได้มีจุดไหนงานหยาบจนถึงขั้นทุเรศทุรัง

เนื้อหาและพล็อตของเรื่องที่ต่างจากฮีโร่อื่นๆ

ส่วนในแง่ของพล็อตและบท เอาจริง ๆ ผู้เขียนออกจะชอบตัวพล็อตของหนังนะครับ เพราะตัวพล็อตสามารถดึงเอาแกนจากต้นฉบับคอมิก ที่วางให้มอร์เบียส ไม่ได้เป็นฮีโรที่ต้องออกไปต่อสู้ปกป้องโลก เน้นแอ็กชันแพรวพราวเหมือนฮีโรตัวอื่น ๆ แต่เป็นหนังฮีโรที่เน้นดราม่าสู้ชีวิต แต่ชีวิตสู้กลับ

ต้องต่อสู้กับโรคร้ายและจิตใจด้านมืดของตัวเอง ที่สามารถเปลี่ยนจากคุณหมอผู้อ่อนโยน กลายเป็นปีศาจสุดน่ากลัวได้ทุกเมื่อ เป็นพล็อตการต่อสู้เล็ก ๆ ที่ถือว่าโอเคเลยแหละ แต่สุดท้ายตัวบทเองนี่แหละครับที่มีปัญหาอย่างแรง อย่างที่สื่อต่างประเทศเขารีวิวกันนั่นแหละ

รีวิวหนัง Morbius ฮีโร่สายโหด หนังน่าดู เต็มเรื่อง

แม้การเดินเรื่องของพล็อตจะพยายามเดินเรื่องด้วยรูปแบบหนังสยองขวัญ ที่ต้องชมว่าทำได้ออกมาสยองขวัญจริง ๆ แต่ปัญหาน่าหนักใจเกี่ยวกับบทก็คือ มันเชยและทื่อสุด ๆ ครับ แม้ว่าพล็อตและสตอรีของตัวละครจะน่าสนใจ แต่การดำเนินเรื่องกลับเชยราวกับเป็นหนังฮีโรเมื่อ 20 ปีที่แล้วอย่างไรก็อย่างนั้นเลย คือแทบจะเดินเรื่องเป็นเส้นตรง และใช้สูตร

ต้นกำเนิดฮีโร มีปัญหาชีวิต/ค้นพบพลังโดยบังเอิญ ควบคุมพลังไม่ค่อยได้/ต้องต่อสู้เหล่าร้าย กันแบบโต้ง ๆ เลยก็ว่าได้ ซึ่งมันทำให้ตัวหนังเล่าเรื่องได้ออกมาทั้งเชย ทื่อ ไร้เสน่ห์ เดาเรื่องง่ายตั้งแต่องก์แรก และไม่มีความ Hype ใด ๆ เหมือนอย่างที่หนังฮีโรยุคนี้มีกัน แถมมุก Easter Egg ที่ใส่มาก็ดันไม่ค่อยขำซะงั้น

รีวิวหนัง Morbius เขาคือฮีโร่หรือวายร้าย

ความเลวร้ายอีกจุดของบทก็คือ การไม่ได้ให้น้ำหนักกับเรื่องราวเอาไว้อย่างเพียงพอจริง ๆ มันก็เลยกลายเป็นว่า การดำเนินเรื่องของ Morbius พากย์ไทย ดูจะไม่ได้ทิ้งปมประเด็นอะไรไว้อย่างชัดเจนนัก จะเล่าเรื่องการต่อสู้กับปีศาจภายในใจตัวเอง หรือเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของมอร์เบียส มาร์ทีน และไมโล ก็ดูจะไม่ลงลึกเท่าไหร่ การปูเรื่องพลังพิเศษของมอร์เบียสก็ยังไม่รอบด้านดี อยู่ดี ๆ ก็มีพลังแปลก ๆ ที่ไม่รู้จักโผล่มาท้ายเรื่อง

ตรรกะในการเลือกสังหารคนของมอร์เบียสก็ดูงง ๆ การใส่ฉากที่ไม่รู้จะใส่มาทำไม แถมเป้าหมายและแรงจูงใจของตัวละครก็ดันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเมื่อเข้าช่วงไคลแม็กซ์ในองก์สุดท้ายไปเสียอีก กลายเป็นว่าตัวหนังเล่าอะไรได้ไม่สุดสักอย่าง และตัดจบแบบดื้อ ๆ เลย จนพาให้งงว่า ตกลงพี่บ่าวจะเอาอะไรนิ แถมยังพาให้แกนหลักของหนังที่อุตส่าห์วางไว้อย่างดี พังพินาศยับเยินอีกต่างหาก

สิ่งที่น่าสนใจและน่าชื่นชม

ถ้าจะมีจุดให้ชื่นชมอยู่บ้าง ก็ต้องชื่นชมนักแสดงหลักทั้ง ส่วน แมตต์ สมิธ Matt Smith ผู้รับบท ไมโล ลูเซียส คราวน์ ก็ถือว่าแสดงได้เข้ากับคาแรกเตอร์แบดบอยดีไม่หยอก และ จาเรต เลโต Jared Leto เจ้าของบท มอร์เบียส pantip นี่แหละครับ ที่รับหน้าแบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้แบบหลังแอ่น ด้วยคาแรกเตอร์ที่เข้าถึงมาก ๆ ทั้งตอนเป็นคุณหมอผู้อ่อนโยน และเป็นแวมไพร์ได้อย่างน่ากลัว ที่พอจะพาให้หนังยังพอดูได้แบบเพลิน ๆ

ซึ่งการแบกแบบหลังแทบหัก ทั้ง ๆ ที่บทป่วยขนาดนี้ ก็แอบสงสารพี่จาเร็ตเหมือนกันนะครับ เป็น Joker ในจักรวาล DC Suicide Squad 2016 ก็ไม่ได้แจ้งเกิด จนต้องกลายมาเป็นภาพประกอบคำคม พอข้ามมาอยู่ Marvel กะว่าจะมาเปิดตัวแบบเต็ม ๆ ก็กลับโดนบททำร้ายซะเละเทะ แพ้ทางหนังฮีโรแท้ ๆ เลยพ่อคุณ 555

รีวิวหนัง Morbius สรุปเนื้อหาที่น่าสนใจแบบคร่าวๆ

โดยสรุป แม้ Morbius รีวิว จะมีคาแรกเตอร์และพล็อตที่น่าสนใจ แต่สุดท้ายตัวบทนี่แหละที่ทำให้ตัวหนังทั้งเชยและขาดเสน่ห์ จนดูเหมือนว่าจะไม่สามารถสร้างเอกลักษณ์ และวางที่ทางของตัวเองในจักรวาลสไปเดอร์-แมนได้สำเร็จ บทป่วย ๆ

ทำให้หนังกลายเป็นเพียงหนังซูเปอร์ฮีโรแบบ Old School ที่ถอดคาแรกเตอร์จากคอมิก แล้วก็เล่าเรื่องตามสูตรแบบเด๊ะ ๆ โดยที่ไม่ได้เพิ่มมิติให้กับตัวละคร สอดแทรกประเด็นซีเรียสเหมือนหนังฮีโรยุคปัจจุบัน หรือเพิ่มเสน่ห์เฉพาะตัวให้มีความน่าจดจำได้สักเท่าไหร่

ซึ่งเอาเข้าจริง ถ้าจะดูหนังเรื่องนี้ในฐานะหนังแอ็กชันฮีโรเพลิน ๆ ตะลุยดะไปเรื่อย ๆ แบบไม่ต้องคาดหวังอะไรมาก ก็ถือว่าพอจะถูไถได้อยู่ล่ะนะครับ แต่ถ้าคุณผู้อ่านเป็นคนที่อินกับความเป็น Marvel และอยากดูเพื่อเชื่อมจักรวาลสไปเดอร์-แมน

ซึ่งอันที่จริงมันก็พอจะเชื่อมได้ ด้วย End Credits ตัวที่ 2 นั่นแหละครับ แต่ถ้าจะดูเพื่อความ Hype ว้าวซ่าน้ำตาแตก ชนิดที่ว่าเดินออกมาจากโรงแล้วคันปากอยากสปอยล์ แนะนำให้ไปดู Spider-Man No Way Home 2021 หรือไม่ก็ข้ามจักรวาลไปดู The Batman 2022 อีกซักรอบน่าจะดีกว่าครับ

Morbius Marve