รีวิวหนังชางชีกับตำนานลับเท็นริงส์
มาพบกันอีกแล้วนะคับ กับผม และ การรีวิวหนังสุดมัน วันนี้จะมารีวิวหนังShang-Chiชางชีกับตำนานลับเท็นริงส์ เหวินหวู่ (เหลียงเฉาเหว่ย) จอมพลผู้ครองวงแหวนอำนาจทั้งสิบได้แผ่ขยายอำนาจของตนออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาลในฐานะขุนพลไร้พ่ายและอำนาจของวงแหวนยังเหมือนเป็นยาอายุวัฒนะที่ทำให้เขาไม่มีวันชราและดูหนุ่มตลอดเวลา เหวินหวู่ได้ยินเรื่องราวของ “ถาโหล” ดินแดนมหัศจรรย์ที่มีเหล่าสัตว์วิเศษและเวทมนตร์มากมายแต่กลับกลายเป็นหลี่ (ฟาลา เฉิน Fala Chen) สาวเมืองถาโหลที่เขาได้มาครองจนให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวคู่หนึ่งนาม ชาง-ชี (ซื่อมู่ หลิว Simu Liu) กับ เซี่ยหลิง (จางเหมิงเอ๋อ Meng’er Zhang)
ชาง-ชี กับตำนานลับเท็นริงส์ นำแสดงโดยซีมู หลิว รับบทชาง-ชี ผู้ที่ต้องเผชิญต้องเผชิญหน้ากับอดีตที่เขาคิดว่าเขาทิ้งมันไปแล้ว และต้องเผชิญหน้ากับพ่อของตัวเอง ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าองค์กรลับเท็นริงส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังนำแสดงโดย อควาฟิน่า รับบทเคที่ เพื่อนสนิทของชาง-ชี, เหม็งเออ จาง, ฟาล่า เฉิน, ฟลอเรี่ยน มันทีนู ร่วมด้วยมิเชลล์ โหยว รับบทเจียง นาน และ โทนี่ เหลียง รับบทเว็นวู ชาง-ชี กับตำนานลับเท็นริงส์ กำกับโดย เดสติน แดเนี่ยล เครทตัน และอำนวยการสร้างโดยเควิน ไฟกี้ และโจนาธาน ชวาร์ทซ์ อำนวยการสร้างบริหารโดยหลุยส์ เดอเอสโพซโต วิคตอเรีย อลอนโซ และชาร์ลส์ นิวเวิร์ธ และเขียนบทโดยเดวิด คัลลาแฮม เดสติน แดเนี่ยล เครทตัน และแอนดริว แลนแฮม ดูหนังใหม่
หลังจากหนังฮีโร่มาร์เวลจบเฟสไปพร้อมกับ Avengers : End Game ทางมาร์เวลเลยตัดสินใจเริ่มต้นเฟสใหม่ด้วยฮีโร่ชุดใหม่ที่มีพลังน้อยลง และมีความหลากหลายมากขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้กำกับได้ใส่ไอเดียใหม่ๆ และแสดงความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น สำหรับชาง-ชีเราเลยได้เห็นหนังฮีโร่ที่ต่อสู้ด้วยกังฟู ฉากต่อสู้ลดความอลังการ ลดงาน CG ลง และเน้น Practical มากขึ้น
ต้องบอกว่าเป็นหนังมาร์เวลที่ทำฉากแอ็กชั่นได้ดีแบบผิดหูผิดตาเลยทีเดียว ผนวกกับ Simu Liu พระเอกของเราที่เริ่มต้นอาชีพการแสดงด้วยการเป็นสตั๊นท์แมนด้วยทำให้เขาสามารถสตั๊นท์เองได้ และไม่ต้องพึ่งมุมกล้องและการตัดฉากมาช่วย ทำให้ได้ฉากแอ็กชั่นที่ลื่นไหลและสมจริง สำหรับฉากแอ็กชั่นสองฉากแรกคือในรถเมล์และบนตึกค่อนข้างชัดเจนว่าได้แรงบันดาลใจมาจากฉากแอ็กชั่นของเฉินหลงแบบเต็มๆ แต่น่าเสียดายที่มันหายไปหลังจากผ่านฉากเหล่านี้ไปแล้ว
ด้านเนื้อเรื่องถือว่ามีความแปลกใหม่จากหนังมาร์เวลเรื่องอื่นๆ พอสมควรเลยครับ ทั้งปมและที่มาที่ไปที่น่าสนใจ Eater Egg ที่ใส่มาได้อย่างพอเหมาะพอดี ตัวละครแต่ละตัวค่อนข้างมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง แต่ดันมาตายตอนจบที่ถูกหักมาเข้าสูตรจนเกินไป ยังไม่รวมที่ตอนท้ายๆ เหมือนทุกคนจะลืมแอ็กชั่นแล้วกลายเป็นมหกรรมจ้อง CG มากไปหน่อยจนน่ารำคาญ รีวิวหนังออนไลน์
รีวิวหนังชางชีกับตำนานลับเท็นริงส์ เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
หลังจากแม่ถูกฆ่าตายโดยศัตรูของเหวินหวู่ ชาง-ชีได้หนีไปยังซานฟรานซิสโกแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นชอว์นทำอาชีพพนักงานรับจอดรถเลี้ยงชีพคู่กับ เคที (อควาฟีนา Awkwafina) เพื่อนสาวสุดห้าวแต่เมื่อวันดีคืนดีแก๊งเท็นริงส์ของเหวินหวู่ได้ปรากฎตัวเพื่อตามเขากลับไปหาพ่อสุดอำมหิต อดีตที่ตามหลอกหลอนกำลังพาเขากลับไปยังถาโหลอีกครั้ง เพื่อปกป้องมันจากเหวินหวู่ที่ถูกอำนาจมืดครอบงำและอาจปลดปล่อยภัยร้ายที่อาจทำลายโลกใบนี้ได้ในพริบตา
Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings เรื่องราวของ ตัวเอกชางชิ ผู้มีพลังพิเศษ เขาเติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ทำการฝึกฝนเด็ก ๆ ให้เก่งเรื่องการต่อสู้ โดยมีเจ้าของเป็น “แมนดาริน” แต่สุดท้ายชางชิก็หนีออกมาจากที่นั่นและเริ่มใช้ชีวิตที่ต้องหนีออกจากเงื้อมมือของแมนดารินตลอดทั้งชีวิต
หลายปีต่อมาชางชิได้พบกับแมนดารินอีกครั้งและได้รับข้อเสนอบางอย่าง แมนดารินสัญญาว่าจะให้ทั้งเงินและอำนาจพร้อมทั้งรับปากว่าจะเลิกไล่ล่าเขา ถ้าหากยอมเข้าร่วมศึกประลองที่ต้องต่อสู้กับผู้มีพลังพิเศษอีกคนที่ก็เติบโตมาจากเป็นเด็กกำพร้าที่ฝึกการต่อสู้มาทั้งชีวิต ใครก็ตามที่ชนะการประลองนี้จะได้รางวัลเป็นแหวน 10 วงในตำนานที่มีพลังอำนาจมหาศาล ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าแมนดารินอยากได้แหวนเหล่านั้น และเหตุผลที่เขาต้องพึ่งชางชิก็เพราะเขาแก่เกินไปที่จะเข้าสู่การประลองครั้งนี้
ด้วยความยาวหนังร่วม 2 ชั่วโมง 12 นาที ก็นับว่า เดสติน แดเนียล เครตทัน (Destin Daniel Cretton) บริหารจัดการเวลาได้อย่างคุ้มค่าทีเดียวทั้งการใช้ซีเควนซ์แรกในการบอกเล่าที่มาของตำนานเท็นริงส์ (Ten Rings) หรือสิบวงแหวนมรณะกับที่มาที่ไปของเหวินหวู่และการถือกำเนิดของชาง-ชีและน้องสาว ต่อด้วยเหตุการณ์ปัจจุบันที่ชาง-ชีได้มาอยู่ซานฟรานซิสโกและแนะนำตัวละครตัวฮาของเรื่องอย่างเคที ก่อนจะเล่าตัดสลับไปยังดราม่าครอบครัวที่ทำให้พ่อและลูก ๆ ต้องกลับมาห้ำหั่นกันซึ่งก็เต็มไปด้วยฉากแฟลชแบ็กและอารมณ์ดราม่าเข้มข้น ดูหนังใหม่
ความรู้สึกหลังดูหนัง ชางชีกับ ตำนานลับเท็นริงส์
แต่ต้องยอมรับว่าเมื่อตัดเกรดแยกเป็นส่วน ๆ แล้วเราจะพบว่าเครตทันยังไม่สามารถทำให้ฉากแอ็กชันในหนังออกมาดูว้าวเท่าที่ควรซึ่งก็เข้าใจได้สำหรับมือใหม่ที่ถนัดแต่หนังดราม่า แต่ใช่ว่าเครตทันจะไม่รู้ตัวและแก้เกมไม่ทันนะครับตรงกันข้ามเขากลับเบนเข็มเรื่องราวให้มีความเป็นคอมเมดี้กับมุกแซวชาวเอเซียแสบ ๆ คัน ๆ ทั้งเรื่องความคาดหวังของพ่อแม่และการอวดเบ่งของกลุ่มเพื่อนซึ่งก็ได้ไปหลายฮาทีเดียวทั้งจากซื่อมู่ หลิวและอควาฟินาที่เล่นมุกกันได้เข้าขามากจนทุกซีนที่มีทั้งสองคนนี้อยู่กลายเป็นไฮไลต์ที่ทำให้หนังออกมาสนุกและไม่น่าเบื่อเลย แม้อควาฟีนาจะหมั่นขโมยซีนจนซื่อมู่ หลิวดูหม่นไปหลายซีนก็ตาม
อีกหนึ่งนักแสดงที่ถือเป็นไฮไลต์และถูกพูดถึงอย่างมากคือการแสดงฝีมือของนักแสดงเอเซียที่เพิ่งประเดิมงานฮอลลีวูดอย่างเหลียงเฉาเหว่ยที่ทำให้บทเหวินหวู่ดูมีมิติมีเลือดมีเนื้อมากกว่าผู้ร้ายบ้าอำนาจแบน ๆ ซึ่งเฮียเหลียงก็ยังคงฝีไม้ลายมือและละเอียดกับแอ็กติงทุกเม็ดจนสมแล้วที่นักวิจารณ์จะชื่นชมและยกย่องการแสดงของดาราระดับตำนานของฮ่องกงรายนี้ แต่กระนั้นดู ๆ ไปก็รู้สึกเหมือนกันว่าเฮียเหลียงแกแอบบดบังรัศมีพระเอกอย่างซื่อมู่ หลิวไม่น้อยเลย ซึ่งลำพังแค่เจออควาฟีนาขโมยซีนก็แทบจะทำให้พระเอกของเราดูจืดไปมาพอแล้ว
นอกจากนี้หนังยังมีการปรากฎตัวของนักแสดงเอเซียชื่อดังอย่าง มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh) ที่มารับบทหยิงหนาน ป้าของชาง-ชีกับเซี่ยหลิง และก็ได้โชว์ลีลาร่ายรำไทเก็กอันอ่อนช้อยในหนังด้วย ส่วนฟาลา เฉิน ดาราเชื้อสายจีนระดับอินเตอร์ แม้จะมาไม่นานแต่ก็จับสายตาผู้ชมด้วยความงามและฝีมือการแสดงในฉากแฟลชแบ็กที่น่าจะทำให้หลายคนนึกถึงแม่ในวัยเด็กไม่น้อย ส่วนจางเหมิงเอ๋อในบทเซี่ยหลิงก็มีใบหน้าที่เก๋ไก๋และอาจจะมีบทบาทสำคัญในเอ็มซียู (MCU) เฟส 4 ต่อไปไม่แพ้ตัวละครชาง-ชีเลยทีเดียว หนังใหม่
ข้อสังเกตหนึ่งที่ผมจับได้จากฉากแอ็กชันของหนังคือมันได้รับอิทธิพลมาจากหนังจีนดัง ๆ ไม่น้อยเลยทีเดียวทั้งฉากเปิดเรื่องที่เหมือนยกหนังกำลังภายในสไตล์จางอวี้โหมวที่ดูแช่มช้อยและตื่นตาตื่นใจแถมยังมีฉากที่เซี่ยหลิงใช้มีดสั้นติดเชือกซ้อมฝีมือที่ทำให้นึกถึงฉากในหนัง ‘The House of Flying Daggers’ หรือ ‘จอมใจบ้านมีดบิน’ ของเฮียจางอวี้โหมวไม่น้อยเลยทีเดียว
รวมไปถึงฉากโปรโมตของหนังทั้งฉากต่อสู้ในรถเมล์ที่กำลังวิ่งอยู่ก็แทบจะเป็นการคารวะ ‘The Police Story’ หรือ ‘วิ่งสู้ฟัด’ ของเฉินหลงและแน่นอนว่ามันต้องมีฉากบู๊ฉากบังคับที่มาเก๊าอย่างการปีนป่ายบนไม้ที่เราคุ้นตามาจากหนังเฉินหลงในฮอลลีวูดอย่าง ‘Rush Hour2’ ซึ่งก็ทำให้เห็นว่าทีมเขียนบทของหนังซูเปอร์ฮีโรมาร์เวลเรื่องนี้น่าจะเป็นแฟนหนังจีนตัวยงเลยทีเดียว
นี่คือภาพยนตร์กำลังภายในแบบฉบับ Marvel Studios ทางทีมงานต้องทำการบ้านอย่าหนัก เพื่อให้ภาพแอ๊คชั่นสตั๊นต์ ดูแข็งแรงและทรงพลังมาก ๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าสามารถทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่ง ในส่วนของคอสตูมและโปรดักชั่นต่าง ๆ ระดับค่ายยักษ์ใหญ่สามารถผ่านได้สบาย ๆ อย่างเช่น ฉากการต่อสู้บนรถประจำทาง ที่มุมมองของภาพจะดูแคบและอึดอัด แต่กลับแฝงไปด้วยความหนักแน่นและดุดัน หรือจะเป็นฉากการต่อสู้บนตึกสูงที่ชวนให้หวาดเสียว แต่ก็ยังมีบทอารมณ์ขันมาขโมยซีนได้เรื่อย ๆ ลักษณะเดียวกับ Rush Hour สู้ไป-ฮาไป สร้างความครื้นเครงให้ผู้ชมได้ตลอด รีวิวหนังออนไลน์
แม้ทีมงานจะทำการบ้านมาเยอะ สามารถโชว์ท่ากังฟูได้แข็งแรง แต่ก็ยังติดภาพเดิม ๆ ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ อีกทั้งบทแอ๊คชั่นต่อสู้ที่แข็งแรงและดูดีสุด ๆ กลับไม่ใช่ตัวเอกอย่าง “ชาง ชี” แต่กลับกลายเป็นโชว์เคสของ “เหวินหวู่” มากกว่า แถมยังมีหลายครั้งที่ตัวเอกโดนขโมยซีนไปดื้อ ๆ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเพื่อนสาว “เคที” นั่นเอง!! เช่นนี้แล้วความเด่นของตัวเอกจึงดูไม่ค่อยเฉิดฉายแบบสุด ๆ ทั้งโดนรัศมีของพ่อและเพื่อนจัดหนักอยู่เรื่อย บทดราม่าระหว่างครอบครัว พี่-น้อง พ่อ-ลูก ก็ยังดูไม่ลึกซึ้งหรือทำให้ผู้ชมรู้สึกอินเท่าที่ควร
เอาเป็นว่า Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings อาจจะยังไม่ใช่หนังมาร์เวลเรื่องที่ดีที่สุดแต่อย่างใด แต่ความบันเทิงและความเชื่อมโยงมุมต่างๆ ที่ปะปนมากับหนัง ได้สร้างความสนุกและความแข็งแกร่งให้จักรวาลในเชิงโครงสร้างต่อไป ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่สาวกมาร์เวลต้องห้ามพลาด มีสูตรสำเร็จต่างๆ มากมายที่นำมาใช้และยังคงเวิร์กกับผู้ชมอยู่ องค์ประกอบงานสร้างและงานดีไซน์ต่างๆ น่าพึงพอใจเป็นอย่างดี สรุปก็คือ…ไม่ผิดหวังเลย
ขอทิ้งท้ายเล็กๆ น้อยๆ ด้วยฉากพิเศษท้ายเรื่องใน Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings มีอยู่ 2 ฉาก เป็นฉากที่ค่อนข้างมีอิทธิพลและเชื่อมกับหนังเรื่องต่อๆ ไปของมาร์เวลเหมือนกัน ดังนั้นหนังจบลงแล้วก็นั่งรอดูฉากพิเศษกันก่อนแล้วกันนะ