รีวิวซีรีส์ Resident Evil เมื่อไวรัสทำให้ศพเดินได้
เรื่องราวที่เน้นดราม่าระหว่างพี่น้อง ซีซันแรกที่เฉยๆ ไม่น่าประทับใจ หนังเรื่องนี้ต้องบอกเลยว่าทำมาเพื่อดึงดูโดยเฉพาะ เพราะแค่ชื่อ ก็บอกแล้วว่าผ่านมาหลายภาคหลายไสตล์ ลงไป ก็ถูกหยิบมารีเมกใหม่อีกหนแต่ก็ไปไม่รุ่งสักเท่าไหร่ ตอนนี้ มันได้กลายมาเป็นซีรีส์ฉายทาง Netflix แล้วนะเออ ด้วยชื่อดั้งเดิมว่า Resident Evil ผีชีวะ ที่เริ่มออนไลน์สตรีมมิ่งกันไปแล้ว
รีวิวซีรีส์ Resident Evil เวอร์ชั่นนี้จะเป็นอย่างไร
เอาเป็นว่า เราจะไม่พูด Resident Evil ซับไทย ถึงเวอร์ชันที่ผ่านๆ มาก็แล้วกัน เพราะผมแทบจะลืมไปหมดเสียทุกอย่างแล้ว นอกจากจำได้ว่า เคยมี มิลล่า โจโววิช เล่นเป็นนางเอกหลายภาค เราจะมาเริ่มต้นกันแบบสดใหม่ด้วยซีซันแรกในแบบฉบับซีรีส์ เรื่องราวที่เขาบอกว่า โลกได้ล่มสลายไปแล้วตั้งแต่ปี 2022 ซึ่งก็คือปีนี้นั่นเอง และอัมเบรลล่าคือสาเหตุของการล่มสลายนั้น พร้อมกับตัวละครใหม่ เรื่องราวก็น่าจะใหม่ แต่ T-virus ยังอยู่เหมือนเดิม แบบนี้ต้องรีบไปรับชมกันแล้วใน ดูหนังออนไลน์ ของเราได้เลย
เมื่อเนื้อหา ผีชีวะ พากย์ไทย ถูกเล่าวนกันไปมา ระหว่าง 2 ไทม์ไลน์ มันเป็นเรื่องของสองพี่น้องฝาแฝดในวัย 14 ปี อย่าง เจด Ella Balinska และ บิลลี่ Siena Agudong สองสาววัยรุ่นบ้านเวสเกอร์ ที่เติบโตมากับพ่ออย่าง อัลเบิร์ต เวสเกอร์ Lance Reddick ทั้งสามเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในนิวแรคคูนซิตี้ ต้องปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ โรงเรียนแห่งใหม่ แต่ขณะเดียวกันก็อยู่กับความสงสัย และอันตรายจากบางสิ่งที่หลุดออกมาจากอัมเบรลล่า
เรื่องราวดราม่าของสองพี่น้อง
เธอทั้งคู่ก็ได้รับรู้อยู่แล้วว่าพ่อของเธอทำงานให้กับอัมเบรลล่า ชื่อบริษัทใหญ่โตที่มีแต่ความแาว และความผิดพลาดครั้งเก่า สู่การปฏิวัติครั้งใหม่ภายใต้การนำของเอเวลีน Paola Nuñez สร้างภาพลักษณ์นักผลิตยาผู้หาญกล้าเปลี่ยนโลก ทว่าดูท่าจะไม่พ้นการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับทีไวรัส ยาตัวใหม่ที่อัมเบรลลากำลังวิจัย และผลิตยังคงมีทีไวรัสซึ่งเป็นต้นตอของอาการประหลาดและน่ากลัวจนกลายเป็นหายนะเมื่อมนุษย์มากมายต้องล้มตาย
ส่วนไทม์ไลน์ที่สองนั้น รีวิวซีรีส์น่าดู เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอีกสิบกว่าปีข้างหน้า โลกเหลือประชากรมนุษย์อยู่เพียง 15 ล้านคน นอกเหนือจากนั้นอีกกว่า 6 พันล้านได้กลายเป็นมนุษย์ที่ติดเชื้อทีไวรัส และเจดในวัยสามสิบยังคงดิ้นรนอยู่ในโลกที่เลวร้าย เพราะมันไม่ได้มีแค่มนุษย์ที่ติดเชื้อ แต่ยังมีสัตว์หลายสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์จะมีขนาดใหญ่โต และดุร้าย เธอจะเอาตัวรอดไปได้อย่างไรในโลกใบนั้น
เมื่อซีรีส์ ผีชีวะ netflix เลือกเดินเรื่องด้วยการสลับไปมาระหว่างสองไทม์ไลน์ สิ่งที่จะทำให้เรื่องราวมันเดินสมูธคือการเขียนบทในสองไทม์ไลน์มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างแนบชิด ซึ่งส่วนตัวมองว่า มันค่อนข้างยากพอสมควร และซีรีส์หลายเรื่องที่พยายามจะทำแบบนี้ต่างตกม้าตายกันมานักต่อนักแล้ว กระนั้น ซีรีส์อย่าง ผีชีวะ ก็ยังหาญกล้าจะใช้กลวิธีการเล่าแบบนั้น ด้วยคงมองเห็นว่ามันจะทำให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างน่าสนใจกว่า
ระหว่างรับชมไป ขณะที่เรากำลังให้ความสนใจความเป็นไปของไทม์ไลน์หนึ่ง ซีรีส์ก็ตัดมาให้เราทำความเข้าใจอีกไทม์ไลน์ โดยที่ต่างก็เดินไปตามเส้นทางของตัวเอง สองเหตุการณ์ที่ตัดสลับแทบจะไม่ได้เกี่ยวพันกันสักเท่าไรแค่เป็นตัวละครชุดเดียวกัน
ฉีกกรอบจากหนังภาคก่อนๆออกไป
สิ่งที่เราได้เจอใน รีวิวซีรีส์น่าสนใจ ก็คือ ในช่วงแรกๆของหนังจะเป็นประเด็นเรื่องความดราม่าของสองพี่น้องฝาแฝดเนื่องจากเธอทัง้สองมีความคิดเห็นต่างกัน ส่วนอีกไทม์ไลน์ก็เล่าถึงการผจญภัยท่ามกลางโลกที่พลิกผัน เจดต้องหลบหนีการตามล่าของอัมเบรลลาไปเรื่อยๆ
ทำให้ 3 ตอนแรกของซีซัน 1 ไม่ชวนสนุกสักเท่าไหร่ ผู้ชมทำได้แค่ต้องทำความเข้าใจเนื้อเรื่อง และอดทนจนกว่าจะถึงตอนสนุก ซึ่งก็มาให้ได้สมใจในตอนที่ 4 เพียงตอนเดียวก่อนจะกลับไปดราม่าระหว่างพี่น้อง และคุณพ่อผู้ปิดบังทุกอย่างนั่นอีกครั้ง
ส่วนตัวก็มองว่า เพราะเรื่องราวมันเกี่ยวข้องกับการโกหกปิดบังที่มีอยู่ในทุกตัวละคร การเลือกเล่าแบบสองไทม์ไลน์คงน่าจะฉุกชวนให้คนสนใจติดตามเรื่องราวได้มากกว่า แต่กว่าจะทุกอย่างจะเริ่มเฉลยก็ต้องผ่านครึ่งซีซันไปประมาณหนึ่งแล้ว
จึงพอมองเห็นว่าเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีตมันส่งผลต่ออีกเหตุในสิบกว่าปีต่อมายังไง แต่อย่างไรก็ดี แม้จะชวนให้ตื่นเต้นขึ้นมาบ้างกับค่อยมีความเป็น Resident Evil สปอย ขึ้นมาบ้างในช่วงหลัง ซีรีส์ก็ยังคงเดินไปอย่างที่ไม่ชวนให้รู้สึกอะไรเช่นเดิม
ความน่าสนใจใหม่ๆใน Resident Evil
ที่เราเห็นอีกสิ่งหนึ่งก็คือ ความคิดแปลกๆของผู้นำคนใหม่ของอัมเบรลลา แม้โลกจะพังทะลาย ผู้คนติดเชื้อมีอยู่ทั่วโลกหลายพันล้าน แต่เอเวอลีน มาร์คัส ก็ยังคิดแค่ว่าสิ่งที่ตัวเองทำคือการเปลี่ยนโลก เทคโนโลยีของตนคือการช่วยให้มนุษยชาติก้าวพ้นความหม่นหมอง ทั้งๆ ที่มันคือการเอาไวรัสที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดผลร้าย ทั้งมีตัวอย่างกลุ่มใหญ่เบิ้มให้เป็นประจักษ์แล้วก็ตาม
อีกสิ่งที่ชวนให้เรื่องราวมันน่าตื่นตา นอกเหนือจากเหล่ามนุษย์ผู้ติดเชื้อที่บ้าคลั่ง และการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจพวกเขาแล้ว การที่ใส่ตัวสัตว์ยักษ์ที่ติดเชื้อก็ช่วยเพิ่มความสนุกขึ้นมาด้วย ทำให้โลกใน Resident Evil ไม่ได้มีแต่สุนัขติดเชื้อเท่านั้น
ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องว่ามีตรงไหนโดดเด่นบ้างในเวอร์ชั่นนี้ ก็น่าจะเป็นเพลงประกอบที่ค่อนข้างดี มีแต่เพลงที่เรารู้จัก และมีมากพอจะกลายมาเป็นเพลย์ลิสต์ที่ฟังได้เพลิดเพลิน น่าเสียดายอยู่ประมาณหนึ่งแหละ ที่ซีรีส์ทำได้แค่พอน่าติดตาม แต่ไม่ได้ชวนรู้สึกน่าประทับใจอะไรขนาดนั้น
ผีชีวะ เป็นเรื่องที่ถูกหยิบมาดัดแปลงแล้วดัดแปลงอีก มีทั้งหนัง ทั้งแอนิเมชั่น แต่หนนี้มาเป็น ซีรีส์ Resident Evil ที่ฉายใน Netflix เรื่องราวที่เล่าสลับสองไทม์ไลน์ ค่อนข้างเน้นดราม่าระหว่างพี่น้องที่ดูน่าเบื่อปนน่ารำคาญ กว่าจะมีอะไรให้รู้สึกสนุกขึ้นก็ต้องผ่านไปถึงครึ่งซีซัน เมื่อถึงเวลาเฉลยหลายสิ่งที่ปิดซ่อนไว้ ซีซันแรกที่เฉยๆ ก็ค่อยตีตื้นขึ้นมาได้บ้าง แต่โดยรวมก็ยังถือว่า เฉยๆ ไม่ได้ดีเด่นอะไร
ซีรีส์ที่หลายคนอาจจะคาดหวังไว้มาก
มากันที่คำถามที่หลายคนอาจจะติดใจสงสัยอยู่ว่า Resident Evil ทุกภาค และฉบับซีรีส์จะทำออกมาได้เหมือนเกมดังแค่ไหน หรือมันจะไม่ได้มีอะไรเหมือนกันเลย เล่าเรื่องสนุกไหม เราขอจำแนกประเด็นให้ทุกคนต้ดสินใจกันได้ง่ายขึ้นว่าควรเสียเวลาวันหยุดยาวนี้ดูมาราธอนมันเลย 8 ตอน ซึ่งก็ใช้เวลาร่วม 8 ชั่วโมงเหมือนกัน หรือไปหาอย่างอื่นทำกันดี? มาดูกันที่ความพังของ มันเหมือนเป็นการยำหนัง หรือซีรีส์ดังที่หลุดซีนมา และหนังที่ประสบความสำเร็จบน Netflix แบบไม่ได้สนสี่สนแปดใด ๆ นอกจากฉากชีวิตไฮสคูลแสนระทมของ บิลลี เวสเกอร์ ที่เหมือนหลุดมาจากซีรีส์ซอมบี้เกาหลีตามที่ได้กล่าวมาแล้ว มันยังจับยัดซีนชวนเหวอมากมายทั้งสัตว์ประหลาดหนอนยักษ์ตอนต้น ฉากแมงมุมยักษ์ตอนต่อมาไปจนถึงฉากจระเข้ยักษ์ออกอาละวาด แล้ว ซีรีส์ยังเต็มไปด้วยซีนที่ชวนปวดขมับอีกเพียบ
อย่างเช่นในตอนที่ 5 ฉากที่ย้อนไปยังอดีตของ สองพี่น้องแฝด ทั้งสองต้องหาของหรือกระเป๋า อัลเบิร์ต เวสเกอร์ ได้เก็บซ่อนไว้ หนังก็เล่นกับปริศนาอย่างกับหลุดมาจากซีรีส์ ลูแปง Lupin หรือหนังแฟนตาซีอีกอักโข จนรู้สึกว่าแทนที่จะต้องเสียเวลาโชว์ตวามฉลาด ที่ก็ดูไม่ค่อยฉลาด น่าจะเอาเวลาไปเล่าเรื่องในส่วนของเจดในพาร์ตปัจจุบันมากกว่าการพยายามสร้างปมดราม่าในครอบครัวเวสเกอร์ก็ดูจะเป็นส่วนที่ทำให้เห็นเลยว่าทีมเขียนบทไม่ได้ใส่ใจ และลงลึกกับมันมากพอ ผลที่ได้คือเราเลยเห็นแค่เจดวัยเด็กที่ดูเป็นเด็กมีปัญหา และบิลลีที่ดูเป็นเด็กเก็บกด แต่ไม่ต้องห่วงนะครับทั้งคู่สร้างความน่ารำคาญให้คนดูได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย มิหนำซ้ำเมื่อเรื่องราวตัดสลับไปปัจจุบันยังเหมือนตัวละครเป็นคนละคน และห่างไกลกันจนเหมือนตัวละครอยู่กันคนละมิติด้วยซ้ำ
ต้องลองไปติดตามกันดูแล้วใน Resident Evil
ซึ่งตรงนี้สรุปได้ง่าย ๆ ก็คือบางทีเน็ตฟลิกซ์อาจต้องปรับความเข้าใจเสียใหม่แหละว่างานสร้างสรรค์บางอย่างอาจตั้งต้นที่บิ๊กดาต้าไม่ได้ และผลลัพธ์ก็ออกมาพังพินาศอย่างซีรีส์ Resident Evil รีวิว นี่แหละครับ อ้อ ! ไม่ต้องรีบใส่ จระเข้กับสัตว์มุดดินก็ได้ เพราะอีกไม่นานโรงหนังเมืองไทยจะมีทั้ง Leio โคตรแย้ยักษ์ และ The Lake บึงกาฬ ฉายอยู่แล้ว
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ Resident Evil / ผีชีวะ
ผู้กำกับ Rachel Goldberg, Bronwen Hughes, Rob Seidenglanz, Batan Silva
ผู้เขียนบท Andrew Dabb, Jeff Howard, Tara Knight, Garett Pereda, Mary Leah Sutton, Shane Tortolani, Lindsey Villarreal, Kerry Williamson
นักแสดง Ella Balinska, Lance Reddick, Siena Agudong, Connor Gosatti, Paola Nuñez
แนว/ประเภท Action, Horror, Sci-Fi, Thriller
จำนวนตอน ซีซัน 1: 8 ตอน
ช่องทางรับชม Netflix
เริ่มออกอากาศ 14 กรกฎาคม 2022
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ Constantin Film, Moonlighting Films, Netflix
Resident Evil